อดีตคนเดือนตุลา แนะเด็กตั้งเป้าให้ชัด ผู้ใหญ่ใจกว้างรับฟัง

การเมือง
4 ต.ค. 63
14:10
878
Logo Thai PBS
อดีตคนเดือนตุลา แนะเด็กตั้งเป้าให้ชัด ผู้ใหญ่ใจกว้างรับฟัง
อดีตคนเดือนตุลาแนะนักศึกษาตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน อย่าคิดแทนประชาชน ควรรวมพลังจัดตั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ ขณะที่ผู้ใหญ่ควรใจกว้าง หาวิธีให้เด็กเข้าใจ

วันที่ 3 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา มูลนิธิสถาบันวิชาการ 14 ตุลาคม จัดการเสวนาว่าด้วย “อนาคตคนหนุ่มสาวจะไปทางไหน?” โดยผู้เข้าร่วม เสวนามาจากนักเขียน นักวิชาการและอดีตนักกิจกรรมที่เคยเคลื่อนไหวในช่วง 14 ต.ค.2516

ประกอบด้วย นายวิทยากร เชียงกูล คณบดีกิตติคุณและอดีตคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต นายพีรพล ตริยะเกษม ประธานมูลนิธิสถาบันวิชาการ 14 ตุลา และ นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำหลักสูตรเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นายวิทยากรกล่าวว่า จากประสบการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ในยุค14 ต.ค.2516 นักศึกษาอ่านหนังสือมาก ต้องคิดวิเคราะห์ปัญหาสังคม

นอกจากนี้ต้องเข้าใจสภาพปัญหา เพราะเป็นเรื่องสำคัญ อย่าไปล้ำหน้า คิดแทนประชาชน ช่วง14 ต.ค. นักศึกษา เข้าหามวลชนมาก และ ที่สำคัญต้องมีเป้าหมายและยุทธวิธีเพื่อให้เกิดผล ถ้าคิดไปไกล เกินไป ก็เป็นเรื่องยาก

ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ เกิดจากเด็กโวย แล้วพวกหัวโบราณรับไม่ได้ ทั้ง 2 ขั้วสุดโต่งมากเกินไป เรื่องทั้งหมดต้องปฎิรูปการเรียน การสอน และต้องเข้าใจภาพรวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง ไม่ใช่คิดแค่แก้รัฐธรรมนูญ หรือ ไล่นายกฯออก มันไม่ง่ายแค่นั้น เพราะปัญหาหลักของประเทศเราคือเศรษฐกิจ การเงินทุนนิยมที่ด้อยพัฒนา

สอดคล้องกับความเห็นของ นายพีรพลกล่าวว่า ในสมัย14 ต.ค.เรามองแค่เรื่องความปรารถนาดีให้สังคมพัฒนาไป แต่อาจจะมีความฝันใฝ่น้อยกว่าคนรุ่นนี้ และต้องเข้าใจว่า สังคมเราจะฝากความหวังกับคนกลุ่มเดียวไม่ได้ ต้องมีทั้งคนหนุ่มสาว คนรุ่นกลาง และผู้สูงอายุเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยที่ดีมีสันติไม่แตกแยก เคารพซึ่งกันและกัน

 

“วันนี้ไม่จบ ในรุ่นนี้ จบไม่ได้ทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง ถ้าจะเคลื่อนไหวต้องมีเป้าหมายชัดเจน จะได้มีพลัง มีความชอบธรรม ขับเคลื่อนในแต่ละมหาวิทยาลัยและควรมีการจัดตั้งศูนย์กลางนิสิต นักศึกษาฯ เพื่อรวมความคิดเหมือนช่วง 14 ต.ค.” นายพีรพลกล่าว

ขณะที่ นายณรงค์กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญในขณะนี้คือ จะต้องมีความคิด จิตสำนึก ต้องเข้าใจว่าตัวแปรของสัตว์โลกทุกชนิดคือความดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่รอด และความเห็นแก่ตัวเพื่อให้ชีวิตรอด เป็นเรื่องปกติ ในยุคของตน เป็นยุคที่ต้องต่อสู้ ดิ้นรน ต้องทนให้ได้ ต่างจากยุคนี้ แค่พ่อแม่ดุ ก็ทนไม่ได้แล้ว

ดังนั้นเราเอาอารมณ์ ความรู้สึกไปวัดกับเด็กรุ่นนี้ไม่ได้ ต้องใจกว้าง หาวิธีการให้เด็กเข้าใจ ยอมรับ พอใจ ขณะที่เด็กรุ่นนี้ก็ต้องคิดด้วยว่า การไปสู่อนาคตต้องอาศัยอดีตด้วย

ด้านผู้ร่วมวงเสวนาอย่าง นายเทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ นักวิชาการอิสระ ได้แสดงความเห็นด้วยกับมุมมองด้านปัญหาเศรษฐกิจเกี่ยวกับพัฒนาการของทุนนิยมและการต่อสู้มายาวนานของนักศึกษา

ขณะเดียวกัน นายเทียนชัยได้มองอนาคตว่า เรากำลังเผชิญกับอนาคตที่ไร้อนาคต เพราะโลกเคลื่อนตัวสู่วิกฤต ที่หนักหน่วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นจากการแพร่ระบาดของ COVID -19 ที่ธรรมชาติหันกลับมาทำร้ายมนุษย์

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพัฒนาทุนนิยม ที่เป็นปัญหาใหญ่ของโลก เกิดช่องว่างคนรวย กับคนจนที่นับวันจะมากยิ่งขึ้น ไม่มีแนวโน้มจะลดลงได้

“โลกในอนาคต อีก 50 ปีข้างหน้าจะเกิดกองทัพคนไร้งานมหาศาล ดังนั้นสิ่งที่คิดไม่ถึงและแก้ไม่ได้ จะมี 2 เรื่องคือ ปัญหาความยากจนที่ขยายตัว และกองทัพคนไร้งานจำนวนมาก”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง