ผบ.ทบ.ย้ำจุดยืนการเมืองแก้ด้วยการเมือง โอกาสรัฐประหารเป็นศูนย์

การเมือง
6 ต.ค. 63
13:21
883
Logo Thai PBS
ผบ.ทบ.ย้ำจุดยืนการเมืองแก้ด้วยการเมือง โอกาสรัฐประหารเป็นศูนย์
ผบ.ทบ.ย้ำให้กำลังพลยึดอุดมการณ์ 4 ด้านเพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาชน ย้ำจุดยืนการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองและมั่นใจโอกาสการทำรัฐประหารในยุคนี้เป็นศูนย์ พร้อมเชื่อว่า การชุมนุมจะไม่ถึงขั้นนำไปสู่เหตุจลาจล

วันนี้ (6 ต.ค.63) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ครั้งที่ 8/2563 วาระพิเศษ ระดับผู้บัญชาการกองพลหรือเทียบเท่า จำนวน 180 คน ที่ กองบัญชาการกองทัพบก

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำนโยบายการปฏิบัติงานของกองทัพบกให้ตระหนักถึงอุดมการณ์ 4 ด้าน ที่ยึดมั่นมาตลอดคือเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ซึ่งถือเป็นอุดมการณ์ของทหารและกองทัพบกเพื่อให้สร้างมั่นคงให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ระบุถึงบทบาทของกองทัพกับการเมืองว่า ต้องแยกระหว่างเรื่องการเมืองกับกองทัพซึ่งการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ทั้งนี้ทหารเป็นข้าราชการประจำไม่ใช่ข้าราชการการเมือง ดังนั้นต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล รัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ระบุถึงกระแสการจับตาเรื่องรัฐประหารว่า เป็นประเด็นที่สื่อมวลชนตั้งคำถามกับผู้บัญชาการทหารบกทุกคน แต่ขอย้ำว่า โอกาสการทำรัฐประหารเป็นศูนย์แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่มีเงื่อนไขสร้างปัญหาความขัดแย้งรุนแรงกระทบต่อความเดือดร้อน และเรื่องนี้ ผบ.ทสส.ก็ได้ตอบไปแล้ว จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันทำในเรื่องสร้างสรรค์้เพื่อขจัดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ติดลบ

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสรีมากที่สุด ทำให้ใครก็อยากมาประเทศไทย โดยเฉพาะสภาวะเช่นนี้ที่ประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน COVID-19 และมีวินัยในการที่จะรักษาตัวเอง ดังนั้นในเรื่องอื่น ๆ ก็ต้องช่วยกันขจัดเงื่อนไข หรือปัญหาต่างๆ และร่วมมือร่วมใจกันทำให้ประเทศไทยฟื้นตัว

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ระบุถึงกรณีที่มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยว่า ต้องย้อนถามกลับไปด้วยว่าอะไรคือประชาธิปไตย และไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะทุกคนมีเสรีภาพหมด โดยมองว่า ทุกคนควรปฏิรูปตัวเองก่อนเปรียบเหมือนกระจกหกด้านที่ต้องส่องดูตัวเอง

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังระบุถึงการชุมนุมว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่รับผิดชอบอยู่แล้วตามปกติ และเชื่อว่า จะไม่เกิดเหตุจลาจลเพราะประชาชนไม่มีเรื่องความขัดแย้งรุนแรง ทั้งนี้การเคลื่อนไหวนักเรียนนักศึกษาก็เป็นเรื่องของเยาวชนที่มีความคิดเป็นของตนเองและมีโลกส่วนตัวในการแสดงออก โดยยืนยันว่า กองทัพไม่มีนโยบายส่งทหารไปตามโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่ามีทหารกระทำไม่เหมาะสมก็สามารถแจ้งให้กองทัพบกดำเนินการได้

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ระบุถึงบทบาทของผู้บัญชาการทหารบกในฐานะ ส.ว.โดยตําแหน่งว่า เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นไปตามขั้นตอนและทุกอย่างต้องขึ้นอยู่เหตุผลข้อเท็จจริงต่าง ๆ พร้อมย้ำว่า ได้สละเงินเดือน ส.ว.เพราะไม่รับเงินเงินเดือน 2 ทาง ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ลาออกจาก ส.ว.ก็ต้องไปศึกษาก่อนว่าลาออกได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ทั้งนี้ยังได้ฝากถึงการทำงานของสื่อมวลชนและการตั้งคำถามต่าง ๆ ว่า หากสื่อมีความเครียดควรต้องให้หาเวลาตัวเองไปทำอย่างอื่นบ้าง เช่น ออกกำลังกาย กินอาหารดี ๆ นอนหลับพักผ่อนรักษาสุขภาพ รวมไปถึงขอให้ปล่อยวาง พร้อมมองว่า สังคมควรอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานที่แตกต่างทางความคิดได้ ซึ่งกำลังพลของกองทัพบกมีกว่่า 300,000 คน และทุกคนไม่มีใคร สมบูรณ์เต็มร้อย

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังระบุถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ไม่ได้มีการเน้นย้ำเป็นพิเศษ เพราะสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องระมัดระวังเพราะเจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายตั้งรับ โดยย้ำกับกำลังพลว่าเมื่อเป็นทหารแล้วต้องอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ และโดยส่วนตัวก็เคยพบเหตุระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังย้ำการสานต่อนโยบายของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ได้ดำเนินการมาตลอด 2 ปีรวมถึงก่อนหน้านั้น ทั้งการพัฒนากองทัพบกไปสู่อนาคตสอดคล้องกับมิติภัยความมั่นคง การปฏิบัติงานที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ถือว่าเป็นภัยสงครามจากโรคระบาด COVID-19

ทั้งนี้ยังได้มอบนโยบายดูแลสิทธิกำลังพลให้ชัดเจนถูกต้องมากขึ้น โดยหน่วยต้องลงดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนกรณีเหตุการณ์เมื่อช่วงต้นปี สำหรับนโยบายสายด่วน ผบ.ทบ.ในยุคของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จะมีการปรับรูปแบบการทำงานใหม่ เนื่องจากพบว่าหลายปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วและกำลังพลมีความเข้าใจมากขึ้น

ส่วนการเดินหน้าปฏิรูปกองทัพในด้านต่าง ๆ และปรับปรุงพัฒนาจะเน้นทำให้ถูกต้องเหมาะสม โดยยอมรับว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลาไม่ว่าจะเป็นการฝึกศึกษา การคัดเลือกบรรจุคน และการให้โอกาสพลทหารเข้ามารับราชการในกองทัพ ส่วนการปฏิรูปกิจการด้านสวัสดิการต้องให้มืออาชีพเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ เช่นสถานที่พักฟื้นและพักผ่อนสวนสนประดิพัทธ์ และการบริหารจัดการต่อไปที่ต้องทำคือสวัสดิการการเคหะ

สำหรับการช่วยเหลือประชาชนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในสภาวะปัจจุบันที่เผชิญกับภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะภัยธรรมชาติหรือภัยโรคระบาดประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงต้องพยายามให้ทุกหน่วยลงไปช่วยเหลือให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอสั่งการและใช้ศักยภาพเครื่องมือของกองทัพบกทั้งหมดลงไปช่วยเหลือประชาชน ส่วนเรื่องภัยยาเสพติดและแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้นั้น กองกําลังป้องกันชายแดนพยายามป้องกันอยู่ซึ่งต้องทำงานอย่างหนัก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง