วันนี้ (7 ต.ค.2563) กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้โดยสารที่เดินทางมาจากไทย 2 คน ติดเชื้อ COVID-19 โดยไม่แสดงอาการ หลังทดสอบเชื้อที่สนามบิน เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยพบเป็นผู้ป่วยชาย อายุประมาณ 60 ปี อาศัยที่ จ.คานากาวะ ตรวจพบที่สนามบินฮาเนดะ และผู้ป่วยหญิง อายุประมาณ 30 ปี อาศัยที่ จ.โออิตะ ตรวจพบที่สนามบินนาริตะ โดยทั้ง 2 คน ได้เข้ากักตัวแล้ว
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อสะสม 86,637 คน เพิ่มขึ้น 502 คน ผู้เสียชีวิตสะสม 1,611 คน ผู้ที่รักษาหายสะสม 79,071 คน โดยญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ตกลงที่จะผ่อนปรนให้นักธุรกิจสามารถเดินทางระหว่างกันได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 63
นอกจากนี้ นักวิจัยมหาวิทยาลัยการแพทย์จังหวัดเกียวโตค้นพบว่า เชื้อไวรัส COVID-19 อาศัยอยู่บนผิวของคนได้ 9 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 5 เท่า ส่วนนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮอกไกโดยืนยันว่า อายุไม่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19
ทหารไทยกลับจากซูดานติด COVID-19 ไร้อาการ 6 คน
ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยเพิ่ม 15 คน ใน State Quarantine ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,615 คน รักษาหายแล้ว 3,391 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 165 คน และเสียชีวิตคงที่ 59 คน
สำหรับผู้ป่วยใหม่เป็นทหารช่างเฉพาะกิจเดินทางมาจากซูดานใต้ 6 คน อายุ 27-50 ปี เข้าพักใน State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 4 ต.ค. ส่วนอีกคนเป็นผู้ป่วยชาวเมียนมา อายุ 54 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เข้าพักใน Local Quarantine จ.ตาก ตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ต.ค.
ผู้ป่วย 2 คน เดินทางมาจากอินเดีย เข้าพักใน ASQ กทม. ตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ต.ค. ส่วนอีกคนเดินทางมาจากฮ่องกง มีอาการไข้วันที่ 2 ส.ค. 63 เข้าพักใน State Quarantine ตรวจพบเชื้อวันที่ 4 ต.ค. ส่วนผู้ป่วย 3 คน เดินทางมาจากสหรัฐฯ เข้าพักใน ASQ ที่ กทม. และผู้ป่วยชายเดินทางมาจากบังกลาเทศ เป็นหมออายุ 53 ปี 1 คน และ เป็นนักศึกษาอายุ 26 ปี 1 คน ตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสม 36,041,783 คน เพิ่มขึ้นวันเดียว 311,613 คน หายป่วยแล้ว 27,145,526 คน เสียชีวิตแล้ว 1,054,604 คน ป่วยมากสุดยังคงเป็นสหรัฐฯ สะสม 7,722,746 คน รองลงมา คือ อินเดีย 6,754,179 คน และบราซิล 4,970,953 คน