วันนี้ (12 ต.ค.63) ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้แทนกรมการขนส่งทางราง กรมการขนส่งทางบก การรถไฟแห่งประเทศไทย กรณีการเกิดอุบัติเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์จากสถานีแหลมฉบัง - ไอซีดี ลาดกระบัง ชนกับรถบัสโดยสาร ไม่ประจำทางใน จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 11 ต.ค.63 ที่ผ่านมา
นายพิศักดิ์ จิตวิริยวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า คอนเทนเนอร์ที่ 852 ดีเซลเลขที่ 5102 ต้นทางสถานีแหลมฉบัง สถานีปลายทางลาดกระบัง (ไอซีดี) ที่ขบวนผ่านสถานีคลองบางพระ ขณะที่ก่อนขบวนจะถึงบริเวณป้ายหยุดรถคลองแขวงกลั่น บริเวณทางลักผ่าน กม. 50+031 ซึ่ง รฟท.ได้ติดตั้งป้ายหยุดและสัญญาณไฟเตือนเพื่อช่วยในด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ โดยในช่วงเกิดเหตุมีรถบัสโดยสารไม่ประจำทางขับผ่านจุดตัดบริเวณดังกล่าว
พนักงานขับรถไฟได้ปฏิบัติตามข้อบังคับการเดินรถ โดยการเปิดหวูดเตือนก่อนจะถึงจุดตัดเสมอระดับทางแต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดทำให้ไม่สามารถหยุดขบวนรถได้ทัน จนทำให้เกิดเหตุเฉี่ยวชนรถบัสโดยสารคันดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต รวม 19 คน (เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 18 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 คน) มีผู้บาดเจ็บ 44 คน
ทั้งนี้ได้จัดตั้ง ศูนย์ one stop service (ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเฉพาะกิจ) ตลอด 24 ชม. พร้อมท้ังจัดเจ้าหน้าที่ประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุบัติเหตุครั้งนี้ อาทิ กรมการขนส่งทางบก จ.ฉะเชิงเทรา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย บริษัทประกันภัย โรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ รฟท.ช่วยดูแลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่ เบื้องต้น รฟท.จะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและช่วยเหลือเงินค่าจัดการงานศพแก่ญาติผู้เสียชีวิต ทั้งนี้สามารถติดต่อประสานงานได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2272 5068 ตลอด 24 ชม.
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หัวรถจักรได้รับความเสียหายที่กระจกหน้าแตกร้าว ด้านข้างรถจักรมีรอยและตู้คอนเทนเนอร์สินค้าได้รับความเสียหาย 5 ตู้ (ฉีกขาด 1 ตู้ และบุบ 5 ตู้)
ส่วนรถบัสโดยสารคันดังกล่าวภาษีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.63 อยู่ระหว่างทำเรื่องการโอนรถแต่ผู้ประกอบการได้จัดให้มีประกันภัยภาคบังคับกับบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ผู้เสียชีวิตได้รับการชดใช้เป็นเงิน 500,000 บาท/คน บาดเจ็บได้รับการชดใช้ 80,000 บาท/คน และมีประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 3 กับบริษัท สินมั่นคงประกันภัย คุ้มครองการเสียชีวิต 500,000 บาท/คน รวมแล้วไม่เกิน 10 ล้านบาท
สำหรับขั้นตอนมาตรการเชิงป้องกันและการดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน รฟท.จะเร่งดำเนินการปรับแก้ไขสัญญาณเตือน ณ จุดเกิดเหตุ ให้พร้อมใช้งานภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตทางตัดผ่านระหว่างรถไฟกับถนน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องเสนอมาที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการอนุญาตและการแก้ไขปัญหาจุดตัดรถไฟกับถนนระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อพิจารณาติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ ก่อนเสนอคณะกรรมการฯ ของกระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุญาตและดำเนินการติดตั้งต่อไป โดยอย่างน้อยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน
ขณะเดียวกันนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบจุดตัดในพื้นที่ต่าง ๆ ว่า จุดใดที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยและจุดตัดใดที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการสำรวจว่ามีความจำเป็นต้องมีหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องมีจะต้องดำเนินการให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและหากจุดใดไม่จำเป็นให้ปิดการใช้งาน
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาเพื่อลดอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟโดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (คปถ.) ในปี 2564 - 2565 โดยจะดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ (ทั่วประเทศ) แผนปฏิบัติการและแบบรายละเอียดการปรับปรุงกายภาพจุดตัดทางถนนและทางรถไฟที่มีความเสี่ยงจะต้องเร่งดำเนินการ ฐานข้อมูลจุดตัดจัดทำมาตรฐานจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ
แนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยบริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ แนวทางการสอบสวนอุบัติเหตุเชิงลึก ตลอดจนแนวทางการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายจากข้อมูลสถิติ พบว่า ปัจจุบันมีจุดตัดทั่วประเทศทั้งสิ้น 2,684 แห่ง แบ่งเป็นจุดตัดต่างระดับ 406 แห่ง เสมอระดับ 2,278 แห่ง โดยจุดตัดเสมอระดับที่ได้รับอนุญาตมีจำนวน 1,657 แห่ง มีเครื่องกั้นแล้ว 1,450 แห่ง มีไฟกระพริบและป้ายสัญญาณเตือน 207 แห่ง และจุดตัดเสมอระดับประเภททางลักผ่าน จำนวน 621 แห่ง โดยมีจุดตัดรถไฟที่เกิดอุบัติเหตุซ้าซ้อนในระหว่างปี 2558- 2562 ที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขจานวน 35 แห่ง