วันนี้ (13 ต.ค.2563) น.ส.กฤอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์กรต่อต้านแชร์ลูกโซ่ พร้อมผู้เสียหายกว่า 30 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทมหาชนและบริษัทในเครือ ที่มีพฤติกรรมชักชวนให้ลงทุนซื้อข้าวสารกอระหรือข้าวหอมมะลิออร์แกนิคและอาหารเสริม แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับเงินปันผมตามที่ตกลงไว้ ที่ผ่านมาทางบริษัทบอกว่าจะนัดคืนเงิน แต่เลื่อนมาโดยตลอด
นางปุณยนุช (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหายจาก จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ครอบครัวมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และเห็นว่าบริษัทมหาชน ชักชวนให้ลงทุนซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยมีผลกำไรในการลงทุนที่ดี
ประกอบกับมีการโฆษณาผ่านรายการโทรทัศน์ ทำให้เกิดความมั่นใจและหลงเชื่อ จึงนำโฉนดที่ดินไปจำนองและนำเงินมาลงทุนจำนวน 160,000 บาท
แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับเงินปันผลตามที่บริษัทเชิญชวนแต่อย่างใด ทำให้ตอนนี้อยู่ในสภาวะเครียด เพราะไม่มีเงินไปไถ่ถอนที่ดิน ซึ่งกำลังจะถูกยึด จึงอยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งตรวจสอบบริษัทและผู้บริหารทั้งหมด เพราะที่ผ่านมา เคยมีกลุ่มผู้เสียหายหลายจังหวัดออกมาร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมกาiคุ้มครองผู้บริโภค และตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค รวมถึงล่าสุดผู้เสียหายบางส่วนได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด
ด้านนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า บริษัทแห่งนี้เคยมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว ขั้นตอนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานและตรวจสอบการดำเนินกิจการของบริษัทมหาชน และรับปากกับผู้ร้องว่า ดีเอสไอ จะดำเนินการให้ทันที โดยจะออกหมายเชิญผู้บริหารบริษัทดังกล่าวเข้ามาชี้แจง และจะให้หยุดการโฆษณาการขาย เพราะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
รวมทั้งจะให้พนักงานสอบสวนประสานงานกับสคบ.เพื่อดูว่า บริษัทได้ทำตามแนวทางของธุรกิจขายตรงหรือไม่ หากไม่ตรงก็สามารถยกเลิกเพิกถอนใบอนุญาตได้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอการชี้แจงจากทางบริษัท เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
ที่ผ่านมาสำหรับผู้ที่หลงเชื่อร่วมลงทุนกับบริษัทมหาชนแห่งนี้ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจทั่วประเทศแล้วกว่า 40 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้มีข้อมูลว่าผู้เสียหายบางส่วนเข้าไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เบื้องต้นมีการไกล่เกลี่ยระหว่างตัวแทนบริษัทและผู้เสียหายประมาณ 8 คน โดยทางบริษัทอ้างว่าจะคืนเงินให้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เป็นเงินประมาณ 700,000 บาท สำหรับประชาชนท่านใดที่ได้รับความเสียหายจากรณีดังกล่าว สามารถร้องทุกข์แจ้งความได้ดีเอสไอ