รอง ผบช.น. ยันเอาผิดผู้ชุมนุมราชประสงค์ทุกคน

การเมือง
15 ต.ค. 63
23:07
8,511
Logo Thai PBS
รอง ผบช.น. ยันเอาผิดผู้ชุมนุมราชประสงค์ทุกคน
รอง ผบช.น. ยืนยันผู้ร่วมชุมนุมแยกราชประสงค์มีความผิดทุกคน ส่วนการจับกุมแกนนำ-แนวร่วมฯ 22 คน เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ย้ำมีทีมตำรวจตามเก็บหลักฐานภาพและเสียงทุกคน

วันนี้ (15 ต.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าการติดตามสถานการณ์การชุมนุม โดย พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า มีการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.2563 เป็นต้นมา โดยมีการดำเนินคดีและจับกุมตัวแกนนำ และผู้ชุมนุมรวม 22 คน ซึ่ง 4 คน เป็นการจับตามหมายจับ แบ่งเป็นศาลจังหวัดธัญบุรี 2 คน และศาลจังหวัดเชียงใหม่ 2 คน ผิดมาตรา 116 ส่วนผู้ชุมนุม 18 คน ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า โดยนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) 

 

ส่วนการชุมนุมเมื่อช่วงบ่ายจนถึงขณะนี้ มีการประกาศให้ยุติชุมนุมเวลา 22.00 น. พบว่า ขณะนี้มีผู้ชุมนุมเริ่มทยอยออกจากพื้นที่แล้ว แต่ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมวันนี้ถือว่ากระทำผิดกฎหมายแล้ว โดยทีมประชาสัมพันธ์ได้เตือนไปในช่วงเช้าแล้ว เชื่อว่าผู้ที่มาชุมนุมรับทราบแล้วว่าเรื่องใดทำได้ หรือทำไม่ได้ ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงก่อนประกาศยุติชุมนุม ตำรวจคำนวณและคาดการณ์ตามสภาพทางกายภาพในพื้นที่ชุมนุมตัวเลขประมาณกว่า 10,000 คน

พบพังรั้ว-ปิดกล้องซีซีทีวี

การดำเนินคดีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนในการรวบรวมหลักฐาน ขณะนี้อยู่ในกระบวนการเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่ทั้งหมด เช่น มีการพังรั้วสกายวอร์ค นำประกาศติดกล้องซีซีทีวี ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้

ส่วนการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทำให้เกิดความไม่สงบตามที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน กทม. ย้ำไม่ได้หมายถึงสื่อใดสื่อหนึ่ง แต่เป็นผู้ใดก็แล้วแต่ที่เสนอข้อมูลเป็นเท็จ บิดเบือน ยุยง ปลุกปั่น ล้วนผิดต่อข้อบัญญัติ จะมีการดำเนินคดีในอนาคต พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว

ร่วมชุมนุมผิดกฎหมาย

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ระบุว่า การดำเนินการในวันนี้ กอง บช.น. นำกำลัง 15 กองร้อยไปที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บริเวณสกายวอร์คและบีทีเอส, ราชประสงค์ซีกขวา และถนนราชดำริซีกซ้าย โดยวางกำลังรักษาพื้นที่ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ภาพรวมสามารถรักษาสถานการณ์ได้เรียบร้อยด้วยดี พร้อมฝากเตือนประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงว่า การมาร่วมชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไป ถือเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคน เพราะตำรวจมีทีมงานบันทึกภาพและเสียงทุกคน

 

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ย้ำว่า ข้อห้ามการนำรถบรรทุกต่าง ๆ ที่มีประกาศห้ามเข้ามาในเขตพื้นที่ ทั้งรถบรรทุกน้ำ บรรทุกอาหาร รถเครื่องขยายเสียง วันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคนเช่นเดียวกัน

เตือนผู้ร่วมชุมนุมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนว่าการมาร่วมชุมนุมอาจมีผลกระทบในอนาคต กรณีที่จะถูกดำเนินคดีหรือมีประวัติ เมื่อไปสมัครงาน หรือทำธุรกิจบางอย่างอาจไม่สามารถทำได้

ดำเนินคดี "แกนนำ" ทำผิดซ้ำ

 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับกุมแกนนำหรือไม่ รอง โฆษก ตร. ระบุว่า หลังแกนนำประกาศยุติชุมนุมเวลา 22.00 น. เริ่มมีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางกลับและบางส่วนยังอยู่ในพื้นที่ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ย้ำว่าทุกคนที่มาชุมนุมถือว่ากระทำผิดกฎหมายแล้ว แต่การดำเนินการขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ส่วนแกนนำอาจจะมีความผิดเพิ่มขึ้นมา โดยการชุมนุมตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ แกนนำ และผู้มาชุมนุม โดยแกนนำจะมีความผิดฐานยุยง ปลุกปั่น ชักชวนให้ผู้อื่นมากระทำความผิด เป็นการกระทำผิดซ้ำ ๆ ดังนั้นจะมีการดำเนินดคีแน่นอน แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมในการใช้กฎหมาย ขณะที่การนัดชุมนุมในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ตำรวจไม่เคยอนุญาตให้ชุมนุม และไม่เคยระบุว่าสามารถชุมนุมได้ อีกทั้งมีประกาศข้อกำหนด หรือคำสั่ง เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ดังนั้นการกระทำที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากสิ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้ ก็ถือว่าฝ่าฝืน

ยันปล่อยตัวต้องมีขั้นตอน

ประเด็นการชุมนุมกดดันหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ปล่อยตัวแกนนำนั้น รองโฆษก ตร. ระบุว่า การปล่อยตัวมีขั้นตอน ซึ่งการควบคุมตัวบางส่วนอยู่ในอำนาจตำรวจ เมื่อจะหมดเวลาควบคุมตามกฎหมายก็ไปขออำนาจศาลฝากขังเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ขณะนี้แกนนำมีการประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับบ้านแล้ว แต่ตำรวจยังพบกลุ่มคนที่มากดดันบริเวณดังกล่าว ถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎหมายและกระทำความผิด

การมาชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไปผิดอยู่แล้ว การสกัดกั้นก็เป็นมาตรการทั่วไป โดยดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายอยู่แล้ว

รองโฆษก ตร. ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ถูกจับกุมตัว รวมทั้งกรณีศาลออกหมายจับนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง