ลงคะแนนทาง "ไปรษณีย์" ชนวนปัญหาชิงผู้นำสหรัฐฯ

การแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลให้ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าจนทำสถิติ ซึ่งวิธีลงคะแนนที่ถูกพูดถึงมาก และอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในศึกชิงประธานาธิบดีครั้งนี้ คือ การลงคะแนนทางไปรษณีย์

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในวันที่ 3 พ.ย.นี้ มีหลายช่องทางในการลงคะแนนเสียง แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ความเชื่อมั่นในการลงคะแนนทางไปรษณีย์ลดลง คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในหมู่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน และบรรดาฐานเสียงแฟนคลับของทรัมป์เอง

เลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 80 ล้านคน

การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ คนอเมริกันกระตือรือร้นออกมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้ามากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการลงคะแนนทางไปรษณีย์และการเดินทางไปใช้สิทธิ์ที่คูหาเลือกตั้ง โดยข้อมูลจาก US Election Project หรือโครงการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งของชาวอเมริกัน ชี้ว่าล่าสุดมีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว 81 ล้านคน

จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า 81 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 58 ของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดเมื่อปี 2016 สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจต่อการเลือกตั้งและการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างผู้สมัครในปีนี้ ทั้งที่ยังเหลือเวลาอีก 4 วันกว่าจะถึงวันเลือกตั้งจริง และที่สำคัญเป็นจำนวนเกินครึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส่วนมากเป็นกลุ่มสนับสนุนพรรคเดโมแครต ซึ่งมักเลือกใช้วิธีการลงคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ขณะที่ฐานเสียงของรีพับลิกันที่เลือกใช้การลงคะแนนทางไปรษณีย์มีไม่มากนัก เนื่องจากมีข้อกังขาเกี่ยวกับความโปร่งใสของระบบการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งที่ส่งผ่านทางไปรษณีย์

2 รัฐสมรภูมิติด 5 อันดับใช้สิทธิ์ล่วงหน้า

สำหรับจุดเด่น 5 อันดับแรกของรัฐที่มีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามากที่สุด เช่น รัฐสมรภูมิ หรือ Swing states ติดอันดับถึง 2 รัฐ จาก swing states สำคัญในการเลือกตั้งรอบนี้ทั้งหมด 6 รัฐ ได้แก่ ฟลอริดา นอร์ท แคโรไลนา

แต่รัฐเท็กซัส ฐานเสียงสำคัญที่สุดของรีพับลิกัน พบว่าผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในรัฐนี้เกือบทั้งหมดเดินทางไปที่คูหาด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับรัฐจอร์เจีย ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐเหล่านี้ไม่ได้เพิ่มช่องทางการลงคะแนนทางไปรษณีย์