การใส่เกียร์เดินหน้า เล่นบทฝ่ายค้านอย่างจริงจังของพรรคเพื่อไทย หลังจากมีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และปรับโครงสร้างใหม่
ถือเป็นบทบาทใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่มี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กุมบังเหียนนั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการโปลิตบูโร ที่กำหนดทิศทางพรรค ก่อนกระจายงาน ส่งไม้ต่อให้กรรมการบริหารพรรครับไปดำเนินการ
และนี่ไม่ใช่แค่การ “รีแบรนดิ้ง” ธรรมดา แต่ต้องทำให้พรรคเพื่อไทย กลับมาพื้นที่ยืน ช่วงชิงกระแสความนิยมกลับคืนมา โดยเฉพาะในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ต้องพร้อมเป็นทางเลือก ที่จะ “เสียบแทน” เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ทันที หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย” ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
เมื่อเป้าหมายชัดเจน การเดินเกมในครั้งนี้ จึงมีเดิมพันอยู่ที่ “ตัวนายกรัฐมนตรี” ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้า “รุกไล่” ตามยุทธการ “หมากล้อม” เป็นแนวร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม
ที่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก ปล่อยผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังโดยไม่มีเงื่อนไขและสุดท้าย ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังยืนกรานประกาศ “ไม่ร่วมสังฆกรรม”เกาะขบวน กับการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เพื่อ “ซื้อเวลา” ต่อลมหายใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนของนาย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา
ขณะเดียวกัน ยังเตรียม “แผนสอง” “รุกฆาต” อย่างต่อเนื่อง ในช่วงสมัยประชุมสภาฯนี้ ด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พล.อ.ประยุทธ์” หลังจากเสร็จภารกิจสำคัญ ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 17 -18 พ.ย.
“คาดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีขึ้นในภายในเดือนพ.ย.นี้ การตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อน เบื้องต้นเตรียมไว้แล้วไม่น้อยกว่า 5-6 เรื่อง ที่จะซักฟอกรัฐบาล และจะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวก็กระทบหมดทั้งครม. เนื่องจากเป็นหัวหน้ารัฐบาล” นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว
งานนี้ คงไม่เป็น “มวยล้มต้มคนดู” เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจหลายครั้งที่ผ่านมา
เพราะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การอภิปรายไม่ไว้ใจ ครั้งนี้ มีข้อมูลเด็ดๆ เพียบ พร้อมทั้งการันตีว่า เดินเกมของเพื่อไทยในสภาฯ จะหนักหน่วงขึ้นในยุคนี้