"อังคณา" ฟ้องสำนักนายกฯ-กองทัพบก

สังคม
4 พ.ย. 63
09:30
2,041
Logo Thai PBS
"อังคณา" ฟ้องสำนักนายกฯ-กองทัพบก
อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฟ้องศาลแพ่ง รัชดา เรียกร้องค่าเสียหายสินไหมทดแทน กรณีหน่วยงานความมั่นคงเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จกล่าวหาทำให้เสื่อมเสีย กรณีปฏิบัติหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ (4 พ.ย.2563) ที่ศาลแพ่ง รัชดา นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ อดีตอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจังหวัดชายแดนใต้และ นำเอกสารหลักฐานยื่นฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. และ กองทัพบก กรณีจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนกล่าวหา ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทางโลกออนไลน์ ผ่านทางเว็บไซต์ Puliny.blogspot.com 

นางอังคณา อ้างว่า มีการกล่าวหาด้วยข้อความอันเป็นเท็จผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเครือข่ายซึ่งทำงานด้านสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะทุกครั้งที่เครือข่ายให้ความเห็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงกรณีมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มักจะถูกเว็บไซต์ดังกล่าวใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จบิดเบือนก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง

ที่ผ่านมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้มีการดำเนินคดีไปแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้าจึงขอใช้สิทธิทางศาลตัวเอง เนื่องจากเมื่อต้นปี 2563 มีการอภิปรายงบประมาณในสภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยรายงานการใช้งบประมาณของหน่วยงานของรัฐในจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้การกำกับของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ให้การสนับสนุนสื่อออนไลน์ในการทำข่าวสารเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาตัวเองมาโดยตลอด

ด้าน น.ส.อัญชนา เปิดเผยว่า ส่วนตัวถูกกล่าวหาด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านสื่อสังคมออนไลน์หลังจากที่ทำรายงานเกี่ยวกับการซ้อมทรมานที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งอ้างยังว่าเคยถูกคุกคามครอบครัวด้วย

สำหรับการฟ้องคดีนี้สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยที่ 1 เนื่องจาก กอ.รมน. เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรีส่วนจำเลยที่ 2 คือ กองทัพบก โดยในคำฟ้องขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกัน หรือ แทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางอังคณา จำนวน 3 ล้านบาท และให้กับ น.ส.อัญชนา จำนวน 2 ล้านบาท รวม 5 ล้านบาท

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง