วันนี้ (9 พ.ย.2563) ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ในการประชุมติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมทางการเมือง ประเด็นกระบวนการและขั้นตอนการควบคุมฝูงชน รวมถึงการออกหมายเรียกและหมายจับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม
ภาพ : วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
พ.ต.ท.ชวลิต หรุ่นศิริ รองผู้กำกับการ กองกำกับการควบคุมฝูงชน 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน อธิบายต่อคำถามของกรรมาธิการ กรณีการใช้น้ำสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่าตำรวจฉีดน้ำแรงดันสูงที่มีส่วนผสมของสารเคมี 2 ชนิด คือ สารเคมีสีฟ้า หรือสารเมทิลไวโอเลตทูบี ชนิดเดียวกับยาม่วงป้ายปาก มีเอกสารยืนยันความปลอดภัยของสารดังกล่าวโดยใช้อัตราส่วนผสม น้ำ 97% สาร 3%
ส่วนสารชนิดที่ 2 คือ แก๊สน้ำตา ใช้เพียงครั้งเดียวเพื่อยุติการชุมนุม โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุม เนื่องจากเป็นการผสมสารอย่างเจือจาง ส่วนสาเหตุที่ใช้น้ำ เนื่องจากผู้ชุมนุมเข้าใกล้สถานที่สำคัญ ระยะ 150 เมตร โดยการฉีดน้ำแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ฉีดน้ำเปล่าไปด้านบนและกดต่ำลงพื้นถนน ก่อนประกาศว่าจะใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง
เมื่อผู้ชุมนุมยังฝ่าฝืน เริ่มก่อความรุนแรง ในช่วงที่ 2 จึงใช้น้ำสีฟ้า เพื่อระบุตัวบุคคลผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และเมื่อสถานการณ์ไม่ยุติจึงใช้แก๊สน้ำตา สลายการชุมนุม ยืนยันดำเนินการโดยใช้หลักสากล ตามกฎหมาย เป็นไปตามสถานการณ์
บช.น.ยันดำเนินการตามกฎหมาย รวบรวมหลักฐานเอาผิด
ขณะที่ พ.ต.ต.อนันต์ จันทร์ศรี สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 3 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงมาตรการดูแลผู้ชุมนุมว่า ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มติคณะรัฐมนตรี แผนรักษาความสงบชุมนุมสาธารณะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 และกฎหมายจราจรที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการดำเนินการออกหมายเรียกและหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงว่า เมื่อมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายสืบเนื่องจากการชุมนุม กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่จะแสวงหาได้ ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว คำปราศรัยของแกนนำ จากนั้นจะร่วมกันพิจารณาหากเข้าหลักเกณฑ์ความผิด จะยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับ โดยให้ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานดังกล่าวว่าเพียงพอจะออกหมายจับ หรือให้ตำรวจออกหมายเรียกก่อน