วันนี้ (18 พ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ กทม.ร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษา เพื่อหาแนวทางปฏิบัติแก้ปัญหาฝุ่น (PM2.5) โดยเฉพาะในช่วงเดือน ธ.ค. - ก.พ.ที่มักเกิดสภาพอากาศปิด ทำให้ฝุ่นไม่สามารถลอยตัวได้ ประกอบกับพื้นที่ กทม.เป็นแอ่งกระทะ ทำให้ฝุ่นไม่ลอยตัวขึ้นสูง จนทำให้ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม.กล่าวว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้ออกมาตรการ หากค่าฝุ่นไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อาทิ ห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ชั้นใน กทม.ในช่วงเวลา 06.00 - 21.00 น. ตรวจเช็กควันดำ ล้างถนน งดกิจกรรมกลางแจ้งของเด็กเล็ก และมีแอปพลิเคชัน AIR BKK พยากรณ์ฝุ่นล่วงหน้า 3 วัน
หากค่าฝุ่นเกิน 50-75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะสั่งปิดเรียนไม่เกิน 3 วัน ห้ามจอดรถยนต์ริมถนน รวมถึงจัดพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนสังกัด กทม. และเก็บขยะมูลฝอยให้แล้วเสร็จก่อนเวลา 04.00 น.
กรณีที่ค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 76-100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้า 5-7 วัน ปิดเรียนครั้งละไม่เกิน 15 วัน เหลื่อมเวลาทำงาน และงดใช้รถยนต์ส่วนตัวในส่วนของบุคลากร กทม. รวมทั้งจับ-ปรับ กรณีจอดรถไม่ดับเครื่องยนต์ และตรวจวัดควันดำรถโดยสารไม่ประจำทางทุกวัน
นอกจากนี้ กทม.จะฉีดน้ำใน 4 รูปแบบเพื่อลดฝุ่น ได้แก่ ฉีดล้างต้นไม้ ล้างถนน เขตก่อสร้างและบนอาคาร สำหรับมาตรการระยะยาว กทม.จะปลูกป่าเพื่อเป็น Buffer Zone เร่งออกกฎกระทรวงให้รถยนต์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานควันดำวิ่งได้เท่านั้น
ด้าน รศ.วงศ์พันธ์ ลิมปเสนีย์ อดีตอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การคาดการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ทำได้ยาก ไม่เหมือนกับสภาพอากาศ แต่หากไม่มีการวางแผนจะมีความรุนแรงมากกว่านี้ สิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นขนาดเล็กได้ดีที่สุด คือลดการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งการปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันคุณภาพและรถยนต์
การฉีดน้ำลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น ซึ่งช่วยลดฝุ่น PM10 ได้ แต่ไม่ช่วยลดฝุ่น PM2.5
