วันนี้ (25 พ.ย.2563) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวสถานการณ์ COVID-19 ว่า ครบ 1 ปีที่เริ่มพบการระบาด COVID-19 ซึ่งการต่อสู้กับโรคระบาดนี้ เปรียบเหมือนการวิ่งมาราธอน หลายคนตั้งคำถามว่าขณะนี้ถึงครึ่งทางแล้วหรือไม่ คาดว่าอีก 1-2 ปี COVID-19 จะสงบ ขอให้ประชาชนอย่าการ์ดตก และดำรงชีวิตแบบ “New Normal” สวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และเว้นระยะห่าง อย่างน้อย 1 ปี
ขณะนี้เพิ่งผ่านมา 1 ปี ต้องดูแลเต็มที่ทั้งภาครัฐ และประชาชนสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะ เอาชัยชนะโรคนี้ให้ได้
เป็นเรื่องยาก 40 ล้านคนได้วัคซีนภายในปี 64
ศ.นพ.ยง วิเคราะห์ปัจจัยที่โรคจะสงบได้ ประชาชนต้องติดโรคนี้อย่างน้อย ร้อยละ 60 หรือหากไม่ให้เป็นอย่างไข้หวัดใหญ่สเปน ทุกคนต้องมีภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 แต่เป็นเรื่องยากพอสมควรที่ประชาชนร้อยละ 60 หรือ 40 ล้านคน จะได้รับวัคซีน เพราะต้องใช้ไม่น้อยกว่า 80 ล้านโดส
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้าไทยยังต้องอยู่กับ COVID-19 แต่จะเบาบางลง และในที่สุดไวรัสจะเปลี่ยนไปเป็นไข้โคโรน่าไวรัสตามฤดูกาล เหมือนไข้หวัดใหญ่สเปน ที่เปลี่ยนไปเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เพราะความรุนแรงของโรคในเด็กจะน้อยกว่าผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
ในปี 2564 เป็นการยากพอสมควรสำหรับประเทศไทย ที่ประชาชน 40 ล้านคน จะมีภูมิต้านทานด้วยวัคซีน
ในช่วงฤดูหนาว ตัวไวรัสจะมีความคงทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น แต่โชคดีของไทยที่มีฤดูหนาวสั้นมาก แตกต่างจากประเทศยุโรป สหรัฐฯ หรือซีกโลกเหนือที่อากาศหนาวมากและมีหิมะตก จึงพบว่าโรคทางเดินหายใจส่วนใหญ่จะระบาดมากในช่วงฤดูฝน เพราะอากาศชื้น รองลงมาเป็นระยะหนึ่งของฤดูหนาว เมื่อเกิดโรคทางโรคทางเดินหายใจในขณะที่ COVID-19 ยังอยู่ จะแยกโรคได้ยากมาก หากไม่ตรวจวินิจฉัยทางแล็บ
เก็บพลาสมาแล้ว 400 ถุง
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เก็บพลาสมาผู้ที่เคยติดเชื้อ COVID-19 และร่างกายแข็งแรง ว่า มีผู้ที่หายป่วยบริจาคพลาสมามากกว่า 100 คน บางคนบริจาคถึง 10 ครั้ง โดยเลือกผู้ที่มีภูมิต้านทานอยู่ในระดับสูง ขณะนี้มีภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19 มากกว่า 400 หน่วย หรือ 400 ถุง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนควบคุมโรคได้ดีมาก ทำให้ไม่มีผู้เข้าใช้บริการพลาสมา
ใช้พลาสมารักษาชาวต่างชาติ 1 คน
กระทั่งล่าสุดได้ให้พลาสมากับผู้ป่วยชาวสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ หลังตรวจพบเชื้อ COVID-19 มีอาการปอดบวมและต้องให้ออกซิเจน จึงตัดสินใจให้พลาสมาทันทีที่แอดมิดที่โรงพยาบาล ผ่านมา 10 วันพบว่า ผู้ป่วยอาการดีขึ้น สามารถลดค่าออกซิเจนที่ให้ได้ นอกจากนี้ สภากาชาดนำพลาสมาที่มีภูมิต้านทาน COVID-19 ในระดับสูง จำนวนครึ่งหนึ่งของที่ได้รับบริจาคไปสกัดเป็นเซรุ่มได้มากกว่า 600 ขวด เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
สำหรับพลาสมาเก็บได้ 1 ปี แต่เมื่อนำมาสกัดเป็นเซรุ่มสามารถเก็บได้ 3 ปี ส่วนพลาสมาอีกครึ่งหนึ่งได้สำรองให้ใช้เพียงพอในอนาคต หากไม่มีผู้ป่วยที่ต้องการใช้ก็จะนำไปสกัดเป็นเซรุมเพิ่ม