วันนี้ (27 พ.ย.2563) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ว่า ปีนี้จะเน้นหนักการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าให้มากขึ้น ทั้งการเก็บขนและใช้ประโยชน์เศษวัสดุในป่าของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะให้ประชาชนมีส่วนร่วมดูแลป่าไม้และลดการเผาป่า
สิ่งสำคัญเน้นพิเศษการเก็บขนและใช้ประโยชน์เศษวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงในป่าด้วยการเก็บขนชิงเก็บ แทนการเผาชิงเผา เพื่อนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ เช่น ผลิตเป็นถ่านอัดก้อน แปรสภาพเป็นเชื้อเพลิงขยะ
เบื้องต้นได้นำร่องเก็บขนเศษวัสดุและเชื้อเพลิงออกจากพื้นที่ป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน ตาก และอีก 1 พื้นที่ คือ พิษณุโลก ซึ่งเน้นในพื้นที่ล่อแหลมเกิดไฟป่ามากที่สุด
อ่านข่าวเพิ่ม ไทยสูญงบแก้ปัญหาฝุ่นปีละเท่าไหร่?
เล็งกำจัดเชื้อเพลิงออกจากป่าวันละ 100 ตัน
วันนี้ต้องบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร เอาใบไม้ใบออกจากเขตป่า และนำมาแปรรูปเป็นภาชนะ และเชื้อเพลิง ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังเผาคือเงิน ที่สามารถนำมาแปรรูปได้
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประสานให้ภาคเอกชนรับซื้อเศษวัสดุ และเชื้อเพลิงให้ได้อย่างน้อย 100 ตันต่อจังหวัด ส่วนที่เหลือจะส่งเสริมการใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าให้กับเศษวัสดุและเชื้อเพลิง เพื่อลดการเผาสาเหตุหนึ่งของปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ คาดว่าจะสามารถลดการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) ปีหน้าลงได้กว่าร้อยละ 20 แน่นอน
ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ให้สังกัดทส.และฝ่ายปกครองเร่งสร้างความความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเก็บแทนการเผาเชื้อเพลิง เพราะช่วยลดการเกิดไฟป่าหมอกควันรุนแรงแล้วยังช่วยเพิ่มรายได้ให้ด้วย
โอนภารกิจดับไฟป่าให้ท้องถิ่น-ตั้งงบสร้างเครือข่าย
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเร่งการสร้างเคือข่ายประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการดับไฟป่าและช่วยกันดูแลพื้นที่ เพราะรู้พื้นที่ดีสุดว่าตรงไหนมีความเสี่ยง คนกลุ่มไหนจะทำให้เกิดการเผา ซึ่งสอดคล้องกับการเร่งรัดถานโอนภารกิจหลายคนยังคิดว่าภารกิจไฟป่าเป็นของกรมป่าไม้ ทั้งที่มีการถ่ายโอนภารกิจไปแล้วตั้งแต่ปี 2545
ภารกิจการดับไฟป่าถูกถ่ายโอนให้ท้องถิ่นไปแล้ว และจุดนี้อาจเป็นข้อจำจัดเวลา ทส.จะของบทำให้ไม่ได้รับ เพราถือว่าภารกิจโอนให้ท้องถิ่นแล้ว จึงต้องเร่งทำความเข้าใจและให้ท้องถิ่นตั้งงบเองได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กทม.ยกระดับแอปฯ Air bkk เตือนฝุ่นพิษล่วงหน้า 3 วัน
หลักฐานภาพถ่ายดาวเทียม ชี้ไทยเผชิญฝุ่นมาแล้ว 20 ปี