ความคืบหน้าสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งพบมีผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศในช่วงสัปดาห์นี้มีตัวเลขการติดเชื้อเป็นเลข 2 หลักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มหญิงไทยที่ลักลอบข้ามชายแดนธรรมชาติจากจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งล่าสุดวันนี้ (4 ธ.ค.2563) มีการยืนยันพบการติดเชื้อที่มีความเชื่อมโยงกันแล้ว 14 คน โดย 1 คนเป็นเพื่อนสาวประเภทสองในจ.เชียงราย ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหญิงอายุ 28 ปีจากจ.พะเยา ทำให้เคสของสาวประเภทสอง ถือเป็นการติดเชื้อในประเทศรายใหม่ในรอบ 1 เดือน
ขณะที่การสอบสวนโรคและผู้สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงผู้ติดเชื้อ ยังขยายวงกว้าง เนื่องจากมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในจังหวัดต่างๆที่มีรายงานผู้ติดเชื้อ รวมทั้งการจำกัดความเสี่ยงของผู้ที่นั่งใกล้ทั้งในรถโดยสารสาธารณะ เครื่องบิน
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ได้ให้ข้อมูลกรณีนี้ว่า ใคร?คือบุคคลที่ถือเป็น “ผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง”
- อยู่บ้านเดียวกันกับผู้ป่วย
- พูดคุยกับผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าทั้งคู่ไม่สวมแมสก์ และพูดคุยกันเกิน 5 นาที
- ถูกผู้ป่วยไอจามรด
- อยู่ในสถานที่แออัดร่วมกับผู้ป่วย ในระยะ 1 เมตร เกิน 15 นาที เช่น เครื่องบิน แต่โดยส่วนมากทุกคนสวมแมสก์ จึงมีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าไม่สวมแมสก์ผู้นั่ง 2 แถวหน้า และ 2 แถวหลัง ถือเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง รถตู้โดยสาร ถ้าโดยสารเกิน 15 นาที ถือเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง เป็นต้น
สอดคล้องกับ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค ที่ระบุว่า กรณีผูู้นั่งเครื่องบิน ส่วนใหญ่ใส่หน้ากากอนามัยทุกคน และถ้าไม่ใส่ 2 แถวหน้า และสองแถวหลังมีความเสี่ยง ซึ่งขอชื่นชมกรณีศิลปินที่ได้รับการติดต่อไป แล้วร่วมมือในการกักตัวทันที
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า 10 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ นพ.โอภาส ยังยืนยันว่าความเสี่ยงขึ้นกับคนที่ติดเชื้อเข้าไปในจุดไหนมากกว่า รวมทั้งตัวพื้นที่ที่ผู้ป่วยไปมีการทำความสะอาดต่อเนื่อง ก็จะลดความเสี่ยงลงไปได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ "ล็อกดาวน์" 6 จังหวัดเสี่ยง10 หญิงไทยติด COVID-19
แค่ซากเชื้อ! สธ.แจงกรณีพบชาย 49 ปีมีเชื้อ COVID-19