"เชียงใหม่" นำร่องใช้กล้อง AI ตรวจจับคนเมินใส่หมวกกันน็อก

ภูมิภาค
4 ธ.ค. 63
16:00
2,168
Logo Thai PBS
"เชียงใหม่" นำร่องใช้กล้อง AI ตรวจจับคนเมินใส่หมวกกันน็อก
ทุ่ม 13 ล้านบาท นำร่อง "เชียงใหม่" ติดกล้องอัจฉริยะระบบ AI ตรวจจับคนไม่สวมหมวกกันน็อกตลอด 24 ชั่วโมง 16 จุด เริ่มบันทึกภาพจริงส่งใบสั่งถึงบ้าน ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ หวังลดตาย 100 คนปี เล็งขยายพื้นที่ตรวจจับครอบคลุมทั้งจังหวัด

วันนี้ (3 ธ.ค. 2563) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) ร่วมกับมูลนิธิเซฟเฟอร์โรดส์ ส่งมอบกล้องอัจฉริยะระบบ AI ตรวจจับคนไม่สวมหมวกกันน็อก ตลอด 24 ชม. ให้แก่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ โดย นพ.ธีรวุฒิ โกมุทบุตร ผู้เชี่ยวชาญแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด (สอจร.) กล่าวว่า จ.เชียงใหม่ มีสถิติรถมอเตอร์ไซค์ 1 ล้านคัน เฉพาะในเขต อ.เมืองเชียงใหม่  600,000-700,000 คัน

นอกจากนี้พบว่าอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ของเชียงใหม่ กว่า 70% เกิดขึ้นในเวลากลางคืน เพราะเป็นช่วงที่สวมหมวกกันน็อกน้อยกว่าตอนกลางวัน เนื่องจากไม่มีตำรวจบนท้องถนน โดยเฉพาะหลัง 20.00 น.ในเขตเมืองสวมหมวกกันน็อกเพียง 52% ขณะที่ค่าเฉลี่ยในอำเภอใกล้เคียงต่ำกว่าเพียง 12% ดังนั้น เพื่อช่วยป้องกันชีวิตผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งจากสถิติพบว่ากว่า 80% ของผู้เสียชีวิตจากมอเตอร์ไซค์ มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บที่ศรีษะ

ระบบกล้องดังกล่าวจะเริ่มบันทึกภาพจริง ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ หากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัย จะมีใบสั่งส่งไปยังเจ้าของรถให้ดำเนินการชำระค่าปรับ ผู้ขับขี่ 400 บาท และผู้ซ้อน 800 บาท

 

โดยในระยะเริ่มต้นจะติดตั้ง 16 จุด แบ่งเป็น ในเขต อ.เมือง 8 จุด และพื้นที่ใกล้เคียงใน อ.สันทราย อ.สารภี อ.หางดง และ อ.แม่ริม แห่งละ 2 จุด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย รวมถึงลดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร สาเหตุที่ต้องนำร่องโครงการใน 5 พื้นที่เนื่องจากมีสถิติการเสียชีวิตจากการไม่สวมหมวกกันน็อกมากกว่าครึ่งหรือ 204 คน เกิดขึ้นในพื้นที่เหล่านี้ จากยอดรวม 398 คนใน 25 อำเภอ โดยมีการประเมินว่าหากอัตราสวมหมวกกันน็อก ในพื้นที่นำร่อง เพิ่มขึ้น 80% จะเซฟชีวิตคนเชียงใหม่ได้มากกว่า 100 คนต่อปี

แจกใบสั่งเดือนละ 3,000 ใบ

พ.ต.ท.ศุภชัย จันทรา รองผู้กำกับการกลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการตรวจจับผู้ไม่สวมหมวกกันน็อคใน จ.เชียงใหม่ โดยการบันทึกภาพผ่านกล้องตรวจจับ จะดำเนินการเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น เฉลี่ยออกใบสั่งวันละ 100 ใบ เท่ากับประมาณ 3,000 ใบต่อเดือน เนื่องจากการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร ดังนั้น การติดตั้งกล้องอัจฉริยะระบบ AI ตลอด 24 ชั่วโมง จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ตระหนักและสวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายมากขึ้น

 

ด้านน.ส.ทัศนีย์ ศิลปะบุตร ผู้แทนมูลนิธิเซฟเฟอร์โรดส์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิฯ ยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะแต่ละปีมีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนน 20,000 กว่าคน เทียบกับตายจากื COVID-19 ในประเทศเพียง 60 กว่าคน เชื่อว่าหลังการรันระบบกล้องอัจฉริยะระบบ AI ที่มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเริ่มดำเนินการทันช่วงเทศกาลปีใหม่ อัตราการสวมหมวกกันน็อกจะเพิ่มขึ้นการตายลดลง และเป็นพื้นที่ต้นแบบของประเทศไทย  

 

ทั้งนี้ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดแรกในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีนี้อย่างเต็มรูปแบบ ติดตั้งครอบคลุมจุดเสี่ยงสำคัญ โดยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ประกอบทั้งหมด รวมถึงระบบปฏิบัติการ ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเซฟเฟอร์โรดส์ 13 ล้านบาท และในระยะต่อไปมีการตั้งเป้าขยายพื้นที่ตรวจจับ โดยทำการเชื่อมต่อกล้อง CCTV คุณภาพดีมากกว่า 2 เมกาพิเชล ของภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัด เข้ากับซอฟแวร์และระบบเซิฟเวอร์ เป็นโครงข่ายครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งหากทำได้จะลดการเสียชีวิตกลุ่มจักรยานยนต์ จากปีละกว่า 500 คน เหลือต่ำกว่า 200 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง