เตือนภัยฝุ่นจิ๋ว "คิมเบอร์ลี่" แพ้หนัก-ตาบวม

สิ่งแวดล้อม
14 ธ.ค. 63
11:31
4,843
Logo Thai PBS
เตือนภัยฝุ่นจิ๋ว "คิมเบอร์ลี่" แพ้หนัก-ตาบวม
นางเอกสาว "คิมเบอร์ลี่" โพสต์เตือนผลกระทบฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดอาการแพ้ตาบวม ขณะที่กรมอนามัยแนะกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุและเด็กเล็กงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง

วันนี้ (14 ธ.ค.2563) "คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เทียมศิริ" นักแสดงและนางเอกสาว โพสต์ภาพและข้อความผ่านไอจีสตอรี่ เตือนอุทหรณ์ผลกระทบฝุ่น PM2.5 จนเกิดอาการแพ้และตาบวม “คิดอยู่นานว่าจะเผยรูปให้ดูดีมั้ย แค่คิดว่าฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ไว้ดีกว่าค่ะ ว่านอกจากโควิด-19 แล้วที่เราต้องระวังตัวให้มาก ๆ ยังต้องระวังเรื่องฝุ่นและมลภาวะของบ้านเราด้วยนะคะ นี่คิมไม่ได้ตาอักเสบนะคะ แต่เกิดจากการแพ้ล้วน ๆ เลยค่ะ ตอนนี้ทานยากลุ่มสเตียรอยด์ และแก้แพ้ แก้บวมเลยดีขึ้นมาบ้างแล้ว ยังไงก็ฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองกันดี ๆ นะคะ ใส่แมสก์ตลอด ใส่แว่นได้ก็ใส่นะคะ งดกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ก็ดีนะคะ #คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง” 

 

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ล่าสุดวันนี้ เวลา 11.00 น. เว็บไซต์ Air4Thai กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่าพบคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ระหว่าง 36 - 100 มคก.ต่อ ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 59 พื้นที่ มากที่สุดบริเวณริมถนนดินแดง เขตดินแดง ตรวจวัดได้ 100 มคก.ต่อ ลบ.ม.

เตือนผู้สูงอายุ-เด็กเล็ก เลี่ยงทำกิจกรรมนอกบ้าน

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขอประชาชนในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวตรวจเช็กค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้าน หรือทำกิจกรรมนอกบ้าน สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก เนื่องจากเด็กมีความอ่อนแอและภูมิต้านทานต่ำ ปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ อัตราการหายใจถี่ และมีผิวหนังบอบบางกว่าผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ และเด็กยังมีพฤติกรรมเคลื่อนไหวมากกว่าผู้ใหญ่ เช่น การวิ่งเล่น การกระโดด การปีนป่าย ในสนามหรือนอกอาคาร ทำให้เด็กมีการหายใจรับมลพิษมากขึ้น กระทบต่อสมรรถนะของปอดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางระบบประสาทและความสามารถทางปัญญาของเด็ก

ส่วนผู้สูงอายุ กลไกการป้องกันระบบทางเดินหายใจจะลดลงตามอายุและอาจมีโรคประจำตัว ทำให้ไวต่อการเป็นโรคหรือติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมากขึ้น ทั้งนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงต้องติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศด้วยการดูค่าฝุ่น PM 2.5 หรือค่า AQI ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอพพลิเคชั่น “Air4thai” ของกรมควบคุมมลพิษ หรือเฟซบุ๊กเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5” ของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้สังเกตที่สีเป็นหลักหากพบค่าตั้งแต่ระดับสีเหลืองขึ้นไป ต้องให้เด็กทำกิจกรรมนอกอาคารให้น้อยลง และป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัย

ชวนทำความสะอาดบ้าน หลัก 3ส 1ล ลดฝุ่นจิ๋ว

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถช่วยกันลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้ง่าย เริ่มจากการทำความสะอาดภายในบ้านของตนเอง ตามหลัก 3 ส 1 ล

  • ส.สะสาง ควรคัดแยกสิ่งของที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช้แล้วออกไป เพราะจะเป็นแหล่งสะสมฝุ่น เช่น อุปกรณ์ที่ชำรุดใช้งานไม่ได้ หนังสือพิมพ์เก่า นิตยสาร วารสาร โดยเฉพาะห้องที่อยู่เป็นประจำควรมีเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของให้น้อยชิ้นที่สุด เพื่อจะได้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง
  • ส.สะอาด ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน โดยเช็ดถูทำความสะอาดพื้นและตามซอกมุมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น รวมทั้งล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น พัดลม เครื่องปรับอากาศ แผ่นกรองอากาศและมุ้งลวด ให้สะอาดอยู่เสมอ และสำหรับเครื่องนอน ควรซักทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนเป็นประจำ
  • ส.สร้าง ประชาชนควรสร้างสุขนิสัย ในการดูแลและทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูง โดยเพิ่มความถี่ ในการทำความสะอาดบ้านให้มากขึ้น รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี บริเวณรอบบ้าน โดยปลูกต้นไม้ที่มีลักษณะใบหนา หยาบ มีขน เพื่อช่วยดักฝุ่น เช่น ทองอุไร ตะขบฝรั่ง จามจุรี
  • ล.ลด ลดหรือเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองเพิ่ม เช่น การจุดธูปเทียน การเผาขยะ การจุดเตาถ่าน และการสูบบุหรี่ รวมทั้งควรมีการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี ไม่ก่อให้เกิดควันดำ นอกจากนี้ ขณะทำความสะอาดควรสวมถุงมือ หน้ากากปิดจมูกและปากทุกครั้ง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เริ่มกระทบสุขภาพ! 58 พื้นที่ "กทม.-ปริมณฑล" ฝุ่นเกินมาตรฐาน

ฝุ่นพุ่ง กทม.สั่งเขตเข้มงวด "ตรวจควันดำ-คุมก่อสร้าง-ห้ามเผา"

ดินแดง! อากาศแย่มีผลต่อสุขภาพ AQI เกิน 200 งดออกจากบ้าน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง