"เสรีพิศุทธ์" ชี้ม.112 ยังจำเป็น แนะปรับแก้ป้องกันใช้กลั่นแกล้งทางการเมือง

การเมือง
14 ธ.ค. 63
12:06
439
Logo Thai PBS
"เสรีพิศุทธ์" ชี้ม.112 ยังจำเป็น แนะปรับแก้ป้องกันใช้กลั่นแกล้งทางการเมือง
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ชี้ยังจำเป็นใช้กฎหมายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่แนะให้ปรับแก้ แยกเรื่องดูหมิ่นฯ กับอาฆาตมาดร้ายออกจากกัน ป้องกันการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งทางการเมือง

กรณีที่ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว.ส่วนหนึ่ง ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ในขณะนี้ พล.ต.ต.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า ทุกคนมีความเห็นได้และต้องพยายามรับฟังทุกส่วนโดยตั้งคำถามว่ายังจำเป็นบังคับใช้กฎหมายหรือไม่ พร้อมแนะให้มีการปรับแก้กฎหมาย ยืนยันสถาบันต้องปกป้องดูแลและถวายความปลอดภัย ยังเชื่อทุกคนแสดงความเห็นไม่มีใครมีประสบการณ์เรื่องมาตรา 112 เท่ากับตัวเอง เพราะในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเคยใช้กฎหมายนี้และถูกบังคับใช้ด้วย

ยืนยันว่า ในตอนนั้นเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามพยายามกลั่นแกล้ง และได้ตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นปฏิปักษ์ผู้ชุมนุมทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการบังคับใช้กฎหมาย และกระทบต่อความรู้สึกของผู้ถูกดำเนินคดีต่อสถาบันหลักของชาติ

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยยังกล่าวว่า การดำเนินคดีผู้ที่ละเมิดพระมหากษัตริย์มีมานานแล้วและตำรวจและอัยการต้องพิจารณาที่เป็นคุณกับพระมหากษัตริย์ ยังเล่าด้วยว่าในยุคที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทราบข้อมูลมาว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงไม่โปรดให้ดำเนินคดีมาตรา 112 กับราษฎร รวมถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วย ที่อ้างอิงคำบอกเล่าของ ศ.ศิวลักษณ์ หรือ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิชาการอิสระที่ให้สัมภาษณ์ไว้ และแสดงยังห่วงบ้านเมือง หลังชมคลิปปฏิวัติฝรั่งเศสท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปลุกระดมมวลชนให้เกิดการล้มล้างสถาบันหรือไม่ ก่อนจะย้ำว่าหากรัฐบาลดำเนินการใดที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ

สำหรับกฎหมายมาตรา 112 อยู่ในหมวดความมั่นคงพระมหากษัตริย์ ยังแนะแก้กฎหมาย โดยให้แยกเรื่องดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ออกไปจากการอาฆาตมาดร้ายออกจากกัน ให้นำเรื่องการดูหมิ่นไปอยู่ในมาตรา 326 เพื่อป้องกันการฟ้องกลั่นแกล้งกัน แต่ทั้งนี้ไม่ได้เสนอเป็นร่างกฎหมายในนามพรรค เพียงแต่แนะแนวทางแก้ไขปัญหา โดยไม่ได้คาดหวังว่ารัฐสภาจะปรับแก้ตามที่เสนอเพราะเชื่อว่าเสียงข้างมากของรัฐบาลคงไม่เห็นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง