จ.นครสวรรค์ ติด COVID-19 รอบใหม่ 1 คน

สังคม
24 ธ.ค. 63
06:25
8,631
Logo Thai PBS
จ.นครสวรรค์ ติด COVID-19 รอบใหม่ 1 คน
จ.นครสวรรค์ พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รอบใหม่ 1 คนเพศชาย อายุ 59 ปี รับอาหารทะเลจาก จ.สมุทรสาคร มาจำหน่าย

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ แถลงข่าวสถานการณ์ COVID-19 จ.นครสวรรรค์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ แจ้งผลการตรวจยืนยันของ จ.นครสวรรค์ พบผู้ติดเชื้อ 1 คน เป็นเพศชาย อายุ 59 ปี

ไทม์ไลน์ ชายอายุ 59 ปี ผู้ติดเชื้อ COVID-19

วันที่ 8,10,12,14,16,18 ธ.ค.2563

ผู้ติดเชื้อเดินทางไปตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร เวลา 17.00 น โดยไปกับชายไทย อายุ 31 ปี ระหว่างทางไม่ได้แวะข้างทาง ถึงตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร เวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ติดเชื้อลงไปซื้ออาหารทะเล 2-3 ร้าน ร้านอยู่บริเวณกลางตลาดโดยชายไทย อายุ 31 ปี รออยู่ที่รถ

วันที่ 9,11,13,15,17,19 ธ.ค.2563

ผู้ติดเชื้อเดินทางจากตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร เวลาประมาณ 24.00 น. พร้อมด้วยชายไทยอายุ 31 ปีมุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ใช้เส้นทางสายเอเชีย แวะปั๊มปตท.อ่างทอง เติมน้ำมันทุกครั้ง ไม่เข้าห้องน้ำ จ่ายเงินพนักงานปั๊มน้ำมัน 1 คน ถึงตลาดสดเทศบาลนครนครสวรรค์ เวลาประมาณ 04.30-05.00 น. โดยจอดรถหน้าตลาดสด เพื่อขายปลีกอาหารทะเล ทุกวันจะมีลูกค้าทั่วไป ไม่ประจำ มาซื้อสินค้า (ไม่สามารถระบุได้) มีลูกจ้างช่วยขายรออยู่ที่ตลาดสด 1 คน (ประจำ)

เลิกขายเวลาประมาณ 09.00 น. (ทุกวัน) จากนั้นแวะส่งชายไทยอายุ 31 ปีที่บ้าน ถึงบ้านพักผ่อนชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.2563 (ภรรยานอนกับหลานสาวชั้น 2) อาหารเช้าภรรยาซื้อมาจากตลาดบริเวณแถวบ้าน มาให้ทุกวัน อยู่บ้านไม่ออกไปไหน ไม่มีคนมาหา

วันที่ 20 ธ.ค.2563

ผู้ติดเชื้อ เดินทางไปเลือกตั้ง ที่จุดเลือกตั้งหมู่บ้านเอื้ออาทร 2 เวลาประมาณ 12.00 น. มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดเลือกตั้ง 6 คน ไม่มีผู้มาเลือกตั้งขณะนั้น

วันที่ 21 ธ.ค.2563

ผู้ติดเชื้อเดินทางไปส่งชายไทยอายุ 31 ปีโดยรถยนต์ส่วนตัวเพื่อรับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่โรงพยาบาลเอกชน เวลาประมาณ 16.00 น. ชายไทยอายุ 31 ปี ไม่พบสารพันธุกรรมของ COVID-19 ผู้ติดเชื้อจึงตัดสินใจ ตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ พบบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 6 คน ผู้ติดเชื้อเดินทางกลับบ้าน แวะส่งชายไทยอายุ 31 ปีที่บ้าน ผู้ติดเชื้อเดินทางถึงที่พัก

วันที่ 23 ธ.ค.2563

ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการของผู้ติดเชื้อ พบสารพันธุกรรม COVID-19 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชน มารับตัวผู้ติดเชื้อที่บ้านเวลาประมาณ 11.00 น. กักตัวผู้ติดเชื้อที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์

ที่มา : ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์

ที่มา : ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์

ที่มา : ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์

 

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ได้แจ้งมาตรการจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุม โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19)ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 63 เป็นต้นไป

1.ให้บุคคลที่เดินทางมาจาก จ.สมุทรสาคร หรือพื้นที่เสี่ยงสูง ที่เข้ามาในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ให้บุคคลดังกล่าวไปรายงานตัวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือประธาน ชุมชน เพื่อดำเนินการคัดกรองเฝ้าระวัง หากการคัดกรอง พบว่า บุคคลดังกล่าว มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือเป็นผู้มีเหตุอันควรสงสัยเป็นผู้สัมผัสโรค

ให้เจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ออกคำสั่งแยกกักบุคคลดังกล่าวไว้สังเกตอาการ ณ เคหสถานหรือที่พำนักบุคคลนั้น และห้ามมิให้ออกจากเคหสถาน หรือที่พำนักจนกว่าจะพ้นกำหนด 14 วัน นับแต่วันที่เดินทางเข้ามาถึงภูมิลำเนา

ที่มา : ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์

ที่มา : ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์

ที่มา : ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์

 

2.ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 พนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธรท้องที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ ฝ่ายความมั่นคง ทหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตรวจสอบบุคคลที่มีความสัมพันธ์ และเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสัตว์น้ำในตลาดสัตว์น้ำจังหวัดสมุทรสาคร

บุคคลที่เดินทางมาจาก จ.สมุทรสาคร หรือมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องมาจากจังหวัดสมุทรสาคร หากตรวจพบว่า เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ทั้งมาอยู่ประจำหรือชั่วคราวให้ดำเนินการ คัดกรองและแยกกักทุกรายเป็นเวลา 14 วัน หากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19)

3.การปฏิบัติในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน ให้นายอำเภอ มอบหมายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน อาสาสมัครในพื้นที่ รวมทั้งขอความร่วมมือ ประชาชนในพื้นที่ สำรวจ ตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งบุคคลที่เคยอยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชน และเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง

หากพบบุคคลที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยอาจนำเข้าสู่กระบวนการ สอบสวนโรค ทั้งนี้ หากพบกรณีการละเมิดให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง