"ธปท.-คลัง" รับมือ COVID-19 ระบาดใหม่

การระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศปรับหลักเกณฑ์ เปิดทางให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อซอฟท์โลนได้มากขึ้น ขณะที่กระทรวงการคลังก็จับตาสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ ก่อนทบทวนจีดีพีปีหน้า

วันนี้ (28 ธ.ค.2563) นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณี COVID-19 ระบาดรอบใหม่ กลายเป็นปัจจัยเสี่ยง กดดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้าว่า สศค.จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ก่อนทบทวนประมาณการณ์จีดีพีในเดือนหน้า แต่ยืนยันว่ายังไม่พบสัญญาณกระทบเศรษฐกิจอย่างชัดเจน แม้การระบาดกระจายตัวในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

คลังยังไม่สั่งศึกษามาตรการเยียวยา

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่ได้สั่งการให้ศึกษา หรือเตรียมความพร้อมให้ดำเนินมาตรการจ่ายเงินเยียวยา เดือนละ 5,000 บาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ยังมีเม็ดเงินพยุงเศรษฐกิจ จากมาตรการกระตุ้นการบริโภค ไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท

ธ.ก.ส.สำรวจความสามารถชำระหนี้

ขณะที่นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เตรียมลงพื้นที่ติดตาม และสำรวจความสามารถในการชำระหนี้เกษตรกรอีกครั้ง เพื่อควบคุมความเสี่ยงกลายเป็นหนี้เสีย พร้อมให้สิทธิ์คืนดอกเบี้ยร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยชำระจริง แต่ไม่เกินคนละ 5,000 บาท เพื่อจูงใจเกษตรกรกลับมาชำระหนี้ปกติ ซึ่งขณะนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการเพียง 500,000 คน จากจำนวนเกษตรกรในโครงการพักชำระหนี้ทั้งหมด 4,200,000 คน พร้อมปรับลดเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ปีหน้าต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกนับจากก่อตั้งธนาคาร

แบงก์ชาติผ่อนเกณฑ์ "ซอฟต์โลน"

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์การเข้าถึงสินเชื่อซอฟต์โลน โดยปรับนิยามกลุ่มธุรกิจ แยกออกจากการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และนิติบุคคล พร้อมเปิดให้บริษัทในตลาดเอ็มเอไอเข้าถึงสินเชื่อนี้ได้ โดยต้องยื่นเอกสารขอสินเชื่อ ภายในวันที่ 18 เม.ย.2564 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถขอใช้ซอฟต์โลน รอบ 2 ได้ จากเดิมกำหนดใช้สิทธิ์ยื่นกู้ได้เพียงครั้งเดียว คาดว่าจะช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่