ยอดผู้โดยสารเดินทางปีใหม่ลดลง 30-35%

เศรษฐกิจ
31 ธ.ค. 63
11:21
375
Logo Thai PBS
ยอดผู้โดยสารเดินทางปีใหม่ลดลง 30-35%
บขส.เผยการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ลดลงประมาณ 30-35% เมื่อเทียบกับปีใหม่ปีที่แล้ว พร้อมคาดว่าในวันนี้ (31 ธ.ค.) จะมีผู้โดยสารไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางในเส้นทางสายสั้น

วันนี้ (31 ธ.ค.2563) นายมาโนช สายชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) บขส.ได้จัดรถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) อำนวยความสะดวกผู้โดยสารกลับต่างจังหวัด (เที่ยวไป) จำนวน 3,932 เที่ยว รองรับผู้โดยสารที่ใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร, ถนนบรมราชชนนี, เอกมัย) จำนวน 57,867 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2563 เล็กน้อย ประมาณ 5,835 คน

ส่วนการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร (เที่ยวกลับ) บขส.ได้จัดรถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) จำนวน 3,715 เที่ยว รองผู้โดยสารเดินทาง จำนวน 42,218 คน อย่างไรก็ดี พบว่าการเดินทางในปีนี้ลดลงประมาณ 30-35% เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และคาดว่าในวันนี้ (31 ธ.ค.) จะมีผู้โดยสารเดินทางจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางในเส้นทางสายสั้น เช่น อยุธยา สระบุรี จันทบุรี เป็นต้น

บขส.ปฏิบัติตามมาตรการ COVID-19 เคร่งครัด

นายมาโนช กล่าวว่า บขส.ได้ปฏิบัติตามนโยบายในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด และเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและป้องกันการแพร่ระบาดฯ ขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ขณะใช้บริการที่สถานีขนส่ง และบนรถโดยสารตลอดการเดินทาง

รวมทั้งให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ หรือแพลตฟอร์มไทยชนะทุกครั้งที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและหากผู้โดยสารมีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ บขส. หรือบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ทันที

นายกฯ ติดตามการเดินทางกลับภูมิลำเนาประชาชน

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์การเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ตำรวจ ทหาร ฯลฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำมาตรการลดอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่ 2564 ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีจุดบริการประชาชนอย่างเพียงพอ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังกำชับให้เพิ่มความรัดกุมเกี่ยวกับมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเป็นการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จึงขอให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความรัดกุมในมาตรการเฝ้าระวัง ทั้งในส่วนของการบริการรถสาธารณะ จุดพักรถบริการประชาชน ตลอดจนจุดที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก เช่น ปั้มน้ำมัน เป็นต้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยในการเดินทางกลับภูมิลำเนา แม้ปีนี้ประชาชนจะเดินทางกลับไม่มากเมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา แต่ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง มีสติ ไม่ประมาท งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยังอวยพรให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ขอให้ผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ไปได้โดยเร็ว

ประชาชนเดินทางผ่านขนส่งสาธารณะกว่า 3 ล้านคน 

กระทรวงคมนาคม สรุปสถานการณ์การเดินทางและอุบัติเหตุบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคมในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2564 ระหว่างวันที่ 29 - 30 ธ.ค.นี้ พบว่ามีผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะกว่า 3 ล้านคน ต่ำกว่าประมาณการ 35.47% ปริมาณการจราจรเข้า - ออกกรุงเทพฯ กว่า 4 ล้านคัน สูงกว่าประมาณการ 4.05% เกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคม 475 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 77 คน ได้รับบาดเจ็บ 477 คน สาเหตุหลักของอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

 

ผู้โดยสารเดินทางโดยรถไฟ 30 ธ.ค.รวม 54,501 คน

การรถไฟแห่งประเทศไทย สรุปจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 54,501 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาออก 30,819 คน ผู้โดยสารขาเข้า 21,085 คน และผู้โดยสารขบวนรถเสริมพิเศษอีก 2,597 คน ส่วนเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุด คือสายตะวันออกเฉียงเหนือ 17,428 คน รองลงมา คือสายเหนือ 14,986 คน, สายใต้ 14,604 คน และสายตะวันออก 7,483 คน 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"พุทธิพงษ์" เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม งดเดินทางข้ามจังหวัด 

ไทม์ไลน์ COVID-19 กทม.พบรายที่ 90 ดูคอนเสิร์ตอัสนี-วสันต์

นายกฯ เร่งเจรจาจัดหาวัคซีน COVID-19 เพิ่ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง