วันนี้ (3 ม.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน เปิดเผยว่า เชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ ชนิด B.1.1.7 ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ ทำให้ค่า R หรือค่าเฉลี่ยในการแพร่เชื้อของผู้ป่วย 1 คน เพิ่มขึ้นระหว่าง 0.4 - 0.7
โดยการประเมินค่า R ของอังกฤษล่าสุด อยู่ระหว่าง 1.1 - 1.3 ทั้งๆ ที่ตามปกติค่า R ควรอยู่ต่ำกว่า 1 เพื่อลดโอกาสในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ผลการศึกษาระบุว่า อัตราการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เพิ่มขึ้น 3 เท่า ในช่วงที่อังกฤษใช้มาตรการปิดพื้นที่ทั่วประเทศ เมื่อเดือน พ.ย.2563
ด้านผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุว่า ผลการศึกษาล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรการรับมือ COVID-19 ให้เข้มงวดขึ้น
ขณะที่หนังสือพิมพ์ The New York Times ระบุว่า ขณะนี้มีอย่างน้อย 33 ประเทศทั่วโลกที่พบผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากอังกฤษ โดยประเทศที่พบผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นประเทศในทวีปยุโรป นอกจากนี้ยังพบในสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และสิงคโปร์ด้วย
การพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษ ทำให้หลายประเทศต้องหันมาดำเนินมาตรการระงับเที่ยวบินจากอังกฤษเป็นการชั่วคราว แม้ว่าการศึกษาล่าสุดยังไม่พบว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อ COVID-19 จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อวัคซีนที่พัฒนาขึ้นมาก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"หมอยง" ชี้ไทยพบโควิดสายพันธุ์อังกฤษ กักผู้ป่วยกันเชื้อกระจาย
"อังกฤษ" ติดเชื้อมากกว่า 5.7 หมื่นคนในรอบ 24 ชม.
หลายประเทศเริ่มพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์
อังกฤษพบเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ตัวที่ 2