"สมศักดิ์" คาดปลดกระท่อมพ้นบัญชียาเสพติด เม.ย.

สังคม
8 ม.ค. 64
16:16
1,282
Logo Thai PBS
"สมศักดิ์" คาดปลดกระท่อมพ้นบัญชียาเสพติด เม.ย.
รมว.ยุติธรรม คาดนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ส่วนกฎหมายควบคุมอยู่ระหว่างปรับแก้ไขให้เหมาะสมเพื่อป้องกันแปรรูปเป็นยาเสพติด

วันนี้ (8 ม.ค.2564) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประชุมร่วมเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนท์ โดยมี ป.ป.ส.ภาค 8 พื้นที่สุราษฎร์ธานี และ 9 พื้นที่สงขลา พร้อมทั้งเชิญผู้นำชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมรับฟังความคืบหน้าการถอดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนเม.ย.นี้

นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอร่างแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เพื่อยกเลิกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาได้ในวาระ 2 หรือ 3 คือ ก่อนสิ้นเดือน ก.พ. หากไม่ติดขัดปัญหาใดอีก ก็สามารถเสนอต่อวุฒิสภาพิจารณาได้ตามขั้นตอน จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่า จะเบ็ดเสร็จในช่วงประมาณเดือนเม.ย. โดยในวันที่ 15 ม.ค.นี้ กระทรวงยุติธรรมจะมีการประชุมร่างฉบับดังกล่าวมาพิจารณาอย่าะเอียดอีกครั้งก่อนนำเสนอ

 

สำหรับการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด นายสมศักดิ์ ยอมรับว่า ไม่สามารถยกเลิกโทษได้ 100% เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า ควรมีกฎหมายอื่นควบคุมในบางประเด็น เช่น ควรมีกฎหมายควบคุมไม่ให้เด็กและเยาวชนนำไปเคี้ยวหรือเสพ, การควบคุมไม่ให้นำไปผลิตแปรรูปเป็นยาเสพติดชนิดอื่น เช่น เครื่องดื่ม ประเภท 4 คูณ 100 หรืออื่นใด อันจะส่งเสริมให้เกิดการเสพติด ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ดังนั้นหลังการแก้ไขกฎหมายถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชีเสร็จสิ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอข้อกฎหมายควบคุมเพิ่มเติมเข้าไปด้วย

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องการขออนุญาตปลูกพืชกระท่อมในบ้านของประชาชนด้วยว่า เบื้องต้นมีระเบียบข้อปฏิบัติ คือ ต้องขอขึ้นทะเบียนกับ ป.ป.ส.ในแต่ละภาค เพื่อแยกกับการปลูกเพื่อทำเป็นอุตสาหกรรม และหากต้องมีการแปรรูปพืชกระท่อมเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ก็ต้องขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อพิจารณาอนุญาต แต่ยังเป็นโครงการปรับแก้ไขในอนาคต ยังต้องมีการศึกษาให้รอบคอบเพื่อควบคุมดูแลอย่างเข้มข้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง