วันนี้ (11 ม.ค.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่เพิ่ม 249 คน รวม 10,547 คน ติดเชื้อจากในประเทศ 224 คน และมาจากการเฝ้าระวังเชิงรุก 48 คน และState quarantine จำนวน 11 คน เสียชีวิตคงที่ 67 คน และรักษาตัวในโรงพยาบาล 3,914 คน ส่วนตัวเลขทั่วโลกผู้ติดเชื้อรวม 90,689,735 คน เสียชีวิต 1,943,099 คน โดยสหรัฐอเมริกา ยังเป็นอันดับ 1
ทั้งนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ซึ่งพ้นระยะการกักตัวแล้วได้เข้ามาร่วมประชุมศบค.ทันที และได้บอกถึงตัวเลขที่น่าห่วงใยคือ มีคนป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาล มีคนอาการหนัก 28 คนและต้องเข้าถึงยาเพื่อรักษา และมีคนใส่ท่อช่วยหายใจ 5 คน โดยจะดูแลคนป่วยออย่างดีที่สุด ยืนยันว่ายายังพร้อม เตียงยังมี
วันนี้มีสิ่งดีๆที่เกิดจากความสามัคคีที่ทำให้ไทยผ่าวิกฤตได้ จากวงประชุมพบว่าแอปพลิเคชันหมอชนะมีการดาวโหลดขึ้นไป 6.34 ล้านครั้ง จากเดิม 5.9 ล้านครั้ง แต่ตัวเลขที่สำคัญมากกว่าการดาวน์โหลดคือคนลงทะเบียนทันที4.47 ล้านคน เพิ่มมา 1.5 ล้านคน
ระลอกใหม่ยอดสะสม 3 สัปดาห์ 6,090 คน
นพ.ทวีศิลป์ ตัวเลขที่นำมารายงาน ในสัปดาห์ที่ 2 ของปี 64 ยังชันสูงตัวเลขทะแยงขึ้นเป็น 10,547 คน จึงอยากขอความร่วมมือกับทุกคนเพื่อทำให้กราฟไม่ชันสูงขึ้น ทั้งนี้จากตัวเลขคนติดเชื้อ 249 คนพบว่าแบ่งเป็นสมุทรสาคร 37 คน ตัวเลขอายุ 40 ขึ้นไปประมาณครึ่งหนึ่ง และในเพศหญิง 19 คนพบเด็กเล็กอายุ 9 เดือนรวมอยู่ด้วย ส่วนจ.นนทบุรี 31 คน พบว่าอายุ 40 ปีเป็นเพศหญิงมากกว่า อ่างทอง 19 คน และกทม.36 คน ซึ่งจะเห็นภาพคนทีอายุ 40 ปีขึ้นไปเป็นผู้ติดเชื้อมากขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าว่า นอกจากนี้การติด COVID-19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ 15 ธ.ค.63 จนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของม.ค.64 กราฟยังทะแยงขึ้น จึงยังพูดได้ว่าสถานการณ์ยังไม่สามารถไว้วางใจหรือเบาใจได้ เพราะถ้าตรวจเจอแบบกราฟแท่ง (ตรวจเชิงรุก) ก็ยังเจอคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเชื่อว่าวิธีการที่ทำเชิงรุกและการป้องกันส่วนบุคคลก็ยังมีความจำเป็น และตั้งเป้ากดตัวกราฟให้ลดลง
ภาพรวมผู้ติดเชื้อจากการระบาดระลอกใหม่ ในช่วง 3 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.63-11 ม.ค.นี้ ตัวเลขระลอกใหม่รวมกัน 6,090 คน โดย 9 จังหวัดที่มีเคสมากกว่า 50 คนขึ้นไปพบมากสุดในจ.สมุทรสาคร รวม 3,341 คน ชลบุรี ระยอง เกิน 500 คน กทม.จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง ส่วนอีก 58 จังหวัดที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อไล่เรียงกันไป
พบเชื้อใน 58 จังหวัดพบสีส้ม 9 จังหวัด
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า แผนที่ไทยจังหวัดที่สะสมระหว่าง 15 ธ.ค.63-11 ม.ค.64 พบ 3 ระดับดังนี้ จังหวัดสีแดงที่มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 50 คนจำนวน 9 จังหวัด สีส้มที่มีผู้ป่วยสะสม 11-50 คนจำนวน 13 จังหวัด และสีเหลือง จังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสม 1-10 คนจำนวน 36 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานเพิ่มขึ้นมา และกลุ่มสีขาวไม่มีรายงานผู้ป่วย 19 จังหวัดที่ทำงานอย่างดี
นอกจากนี้ โฆษกศบค.ยังระบุว่ากรณีที่มีคำถามเอกชนสนใจเข้าร่วมโรงพยาบาลสนาม และออกค่าชุดตรวจได้หรือไม่ โดยยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก อยากให้เข้าร่วมแต่การดำเนินการไปทำเองไม่ได้ ต้องปรึกษาผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด และสสจ.ก่อน และการตรวจตอนนี้กำลังหาตรวจทางน้ำลาย และถ้าเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเอกชน จะลดอัตราการติดเชื้อ และหลายแห่งซื้อที่มาทำแลป
วอนงดมั่วสุม-เสี่ยงแพร่เชื้อหนัก
คำถามกรณีวัยรุ่นมั่วยาเสพติดเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นสะท้อนว่าตั้งวงมั่วสุมจะกลายเป็นคสัสเตอรระบาดรอบใหมได้ได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดจากคลัสเตอร์นี้ เพราะช่วงแรกที่ประกาศเคอร์ฟิวที่ห้ามออกบ้านหลังเวลา 22.00 น.ส่วนใหญ่พบฝ่าฝืนมั่วสุม ดื่มกิน และยาเสพติด
เป็นชุดพฤติกรรมเดียวกันคือจับกันเป็นกลุ่มก้อนไม่มีการเว้นระยะห่าง และใช้อุปกรณ์เดียวกัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะติด COVID19 เพราะจากยาเสพติดก็ทำให้เสียชีวิตได้ ยังถือเป็นปัญหาที่น่ากังวลใจ เพราะทั้งโลกที่เรียนรู้ร่วมกัน เช่นอิแทนวอน เกาหลีใต้
ส่วนกรณีสาว 18 ที่จะเป็นจะเกิดเป็นซุปเปร์สเปดเดอร์ และถูกรังเกียจได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ความกังวงใจที่จะติดโรค และนำไปสู่การรังเกียจแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ มีเคสที่เป็นโรค HIV ที่คนรังเกียจ มาแล้วเพราะมาจากไวรัสติดแล้วเสี่ยงตายได้ โดยเฉพาะกรณีที่คนติด COVID19 และมีเจตนาจะไปแพร่กับบุคคลอื่นไม่ว่าจะเข้าไปในเรื่องประเวณี ดังนั้นจึงขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะคนในบ้าน ลูกหลานมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อได้
ช่วงนี้การนำเสนอสถานการณ์ทุกวันเป็นภารกิจที่มอบหมายให้มแถลง และในฐานผู้ตรวจราชการเพื่อเตรียมพื้นที่จะไปที่อุบลราชธานี เตรียมโรงพยาบาลสนาม โดยจะเก็บชุดข้อมูลจังหวัด และอาจจะไลฟ์สด และนำมีประสบการณืดีๆมานำเสนอ
นอกจากนี้ยังฝากว่า หน้ากากผ้าเป็นอาภรณ์ที่ดี บางคนบอกว่ายิ้มทะลุหน้ากากได้ และทักทายกันแบบสุภาพว่าให้ใส่หน้ากากอนามัย