วันนี้ (25 ม.ค.2564) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดหนองคาย เข้าพบ พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ปปป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ ทหารเรือจังหวัดหนองคายกับพวกรวม 16 นาย ใน 7 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันค้ายาเสพติด, ร่วมกันปล้นของกลาง, ร่วมกันแถลงข่าวอันเป็นเท็จเพื่อมุ่งหวังรับสินบนนำจับ, ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน, ร่วมกันสร้างและทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ, ร่วมกันจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และร่วมกันละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายอัจฉริยะ อ้างว่ามีคลิปภาพและไฟล์เสียงเป็นหลักฐานขณะเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเข้าจับยาเสพติดเป็นยาบ้า 2 ล้านเม็ด และไอซ์ 116 กิโลกรัมได้ โดยผู้ต้องหาหลบหนี วันที่ 10 ม.ค. แต่จากนั้นประมาณ 20 นาที มีชาย 2 คน อ้างเป็นทหารเรือได้มาชิงเอาของกลาง และมีชาย 2 คน จากรุงเทพมหานคร มารับยาเสพติดไป
นายอัจฉริยะ ยังอ้างทหารเรือมีการจัดฉากแถลงข่าวและสร้างพยานขึ้นเมื่อถูกตรวจสอบภายหลัง
ด้าน พ.ต.อ.ประสงค์ เปิดเผยว่า ปปป.จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาเบื้องต้นจะเริ่มจากการตรวจสอบก่อนว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงหรือไม่ จากนั้นจะสอบปากคำผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานส่ง ป.ป.ช. พิจารณาต่อไปภายใน 30 วัน
"สมศักดิ์" โต้ไม่เคยเพิกเฉยแก้ปัญหา
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้ยื่นหนังสือที่ บก.ปปป. ในประเด็นเรื่องยาเสพติด ว่า ต้องขอบคุณที่ติดตามในประเด็นนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อสังคม และให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ก่อนหน้านี้ตนได้กำหนดแนวทางมากมาย ทั้งการแก้กฏหมาย การปราบปรามด้วยการยึดทรัพย์ตัดวงจรผู้ค้ายาเสพติด
ส่วนประเด็นการจ่ายเงินค่าตอบแทนการนำจับยาเสพติดที่มีการพูดถึง ตนก็ได้เสนอปรับแก้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด ซึ่งเวลานี้ได้ปรับแก้แล้ว อยู่ระหว่างนำร่างขึ้นเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
การปรับแก้ในครั้งนี้ต้องบอกว่ามีการลดรางวัลนำจับยาเสพติดทุกชนิดให้เหลือ เพียง 25% อาทิ ไอซ์ เฮโรอีน ยาบ้า เป็นต้น แต่ขอยกตัวอย่างที่ ยาบ้า สมัยก่อนการจับกุมผู้แจ้งความนำจับจะได้เงินค่าตอบแทนเม็ดละ 2 บาท สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อเคส แม้จะมีหรือไม่มีผู้ต้องหา แต่เวลานี้ต้นทุนการผลิตยาบ้าอยู่ที่เม็ดละ 0.50 บาท จะไปจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับเม็ดละ 2 บาท ก็ไม่ถูกต้อง ผมจึงได้สั่งการให้เสนอแก้ระเบียบ ซึ่งหากแก้ระเบียบนี้สำเร็จ เจ้าหน้าที่จับกุมยาบ้าได้และมีผู้ต้องหาจะได้รางวัลนำจับเม็ดละ 0.50 บาท และเงินรางวัลสูงสุดจะไม่เกิน 500,000 บาทต่อเคส และหากไม่มีผู้ต้องหามีเพียงเม็ดยาจะไม่ได้เงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ การแก้ไขระเบียบในลักษณะนี้เพราะไม่ต้องการให้เกิดข้อครหากับผู้ที่ทำงานว่ามีการเวียนยาเสพติดเพื่อมารับเงินรางวัล
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึง คดียาเสพติด จ.หนองคาย ที่นายอัจฉริยะต้องการให้ติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ ว่า ก็ขอให้ตำรวจสอบสวนหาผู้กระทำผิด ตนยืนยันว่าไม่เคยเพิกเฉยลอยตัว ตนกำกับดูแล ป.ป.ส. ได้สั่งการให้ ป.ป.ส.ภาค 7 ลงตรวจสอบบ้านผู้ต้องหาในคดีนี้เพื่อทำการขยายผลยึดทรัพย์ ล่าสุดก็ยังไม่พบทรัพย์สินของผู้ต้องหาและเราก็จะเดินหน้าติดตามเครือข่ายของผู้ค้ายาเสพติดรายนี้ต่อไป