บอร์ดโรคติดต่อฯ ไฟเขียวแผนกระจายวัคซีนโควิด 63 ล้านโดส

สังคม
8 ก.พ. 64
15:11
1,108
Logo Thai PBS
บอร์ดโรคติดต่อฯ ไฟเขียวแผนกระจายวัคซีนโควิด 63 ล้านโดส
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบแผนกลยุทธ์บริหารจัดการวัคซีน COVID-19 พ.ศ.2564 และแผนการกระจายวัคซีน 63 ล้านโดส ภายในปี 2564 ระยะแรก กพ.- พค. จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ส่วนระยะที่ 2 มิ.ย. – ธ.ค. อีก 61 ล้านโดส

วันนี้ (8 ก.พ.2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 2/2564 เพื่อหารือถึงนโยบายการให้วัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ จะได้วัคซีนของบริษัทซิโนแวค จำนวน 2 ล้านโดส และเดือน มิ.ย. มีวัคซีนที่สั่งซื้อจากบริษัท แอสตราเซนเนกา 26 ล้านโดส และที่จองเพิ่ม 35 ล้านโดส รวมเป็น 63 ล้านโดส ถือว่าครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย


นอกจากนี้ ยังได้วางแผนการบริหารจัดการการให้วัคซีนมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย มีคุณภาพให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาล โดยได้แต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน ซึ่งมีการประชุมเตรียมการคณะทำงานทั้ง 6 คณะเป็นอย่างดี และได้เตรียมขั้นตอนการให้บริการวัคซีน COVID-19 แก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ

กลยุทธ์จัดการวัคซีน 2 ระยะ

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการได้เห็นชอบแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการการให้วัคซีน COVID-19 พ.ศ.2564 ซึ่งมี 2 ระยะ โดยในระยะแรกที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจาก COVID-19 รักษาระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้ 5 กลุ่ม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน, ประชาชนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งที่อยู่ในระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด โรคเบาหวาน โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร, ประชาชนที่มีอายุ 60 ขึ้นไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค COVID-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมทั้งประชาชนทั่วไปและแรงงานในพื้นที่ระบาดของ COVID-19 


และระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากรและฟื้นฟูประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉีดให้กับ 7 กลุ่ม ได้แก่ ประชาชนทั่วไป, แรงงานในภาคอุตสาหกรรม, ผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์, ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ, นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ, กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในจังหวัดที่เหลือ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ๆ

2 ล้านโดสแรก ฉีด จว.ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนการกระจายวัคซีน COVID-19 ระยะแรก เดือน ก.พ. - พ.ค.2564 จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ จ.สมุทรสาคร และจังหวัดที่ยังพบผู้ป่วย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตาก ระยะที่ 2 เดือน มิ.ย. - ธ.ค.2564 จำนวน 61 ล้านโดส โดยมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง วางแผนฉีดวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 63 ล้านโดส ภายในปี 2564


นายอนุทิน กล่าวอีกว่า คณะกรรมการได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... โดยจัดตั้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก เพิ่มอีก 1 แห่ง เป็นด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ด่านที่ 69 ของประเทศ เพื่อให้มีบุคลากรด้านการป้องกันควบคุมโรคปฏิบัติหน้าที่ประจำที่ด่านฯ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเดินทางผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง