จ่อชง ศบค.ลด "พื้นที่ควบคุม" COVID-19 เหลือ 8 จังหวัด

สังคม
18 ก.พ. 64
13:10
9,680
Logo Thai PBS
จ่อชง ศบค.ลด "พื้นที่ควบคุม" COVID-19 เหลือ 8 จังหวัด
"พญ.อภิสมัย" เผยไทยพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 150 คน ขณะที่ คกก.เฉพาะกิจมองภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้น เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาปรับสีจังหวัดผ่อนคลายกิจการ-กิจกรรม 22 ก.พ.นี้

วันนี้ (18 ก.พ.2564) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ COVID-19 ว่า ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 110 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว้า 2.4 ล้านคน โดยสหรัฐอเมริกา ยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุด ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 114 ของโลก

ส่วนสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 150 คน จำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 148 คน ติดเชื้อจากต่างประเทศ 8 คน รวมผู้ป่วยสะสม 25,111 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,083 คน หายป่วยแล้ว 23,946 คน และเสียชีวิตสะสม 82 คน

 

ผู้ติดเชื้อในประเทศ 148 คน เป็นผู้ป่วยที่มาจากการค้นหาเชิงรุก 104 คนใน จ.สมุทรสาคร และปทุมธานี ส่วนผู้ติดเชื้อที่มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ หรือเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง 38 คน อยู่ใน จ.สมุทรสาคร กรุงเทพฯ ปทุมธานี มหาสารคาม พระนครศรีอยุธยา ตาก และนครปฐม

ขณะที่การตรวจคัดกรองที่ จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เร่งตรวจเชิงรุกที่ตลาดพรพัฒน์ ตลาดสุชาติ ตลาดรังสิต รวมถึงสำรวจชุมชนใกล้เคียง โดยตรวจไปทั้งสิ้นกว่า 4,000 ตัวอย่าง ล่าสุดมีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขว่าพบผู้ติดเชื้อ 437 คน พร้อมตั้งเป้าตรวจคัดกรองวันละ 10,000 คน

ชง ศบค.เคาะปรับสีพื้นที่ผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรม

พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจทบทวนมาตรการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรม รวมทั้งพื้นที่ โดยมีการเสนอปรับพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) จาก 34 จังหวัด เพิ่มเป็น 54 จังหวัด, พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 17 จังหวัด ลดเหลือ 14 จังหวัด, พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 20 จังหวัด ลดเหลือ 8 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมสุงสุดและเข้มงวด (สีแดง) ยังคงเป็น จ.สมุทรสาคร

ทั้งนี้ การปรับระดับพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรม เป็นมาตรการที่ EOC กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมหารือตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. และเฝ้าติดตามสถานการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น แม้จะมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ แต่ถือว่าควบคุมได้ จึงเตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 22 ก.พ.นี้

ย้ำวัคซีนโควิดล็อตแรกถึงไทย 24 ก.พ.นี้

นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการพุดคุยเรื่องการกระจายวัคซีน COVID-19 โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนในประเทศเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพและปลอดภัย เพื่อลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ปกป้องระบบสุขภาพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

พญ.อภิสมัย ย้ำว่าประเทศไทยจะได้รับวัคซีนล็อตแรก ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตามเหตุผลในการใช้วัคซีน คือ ลดความรุนแรงและป้องกันตนเองสำหรับผู้ฉีด แต่ยังไม่ได้หมายความว่าจะลดการแพร่เชื้อได้

ส่วนกรณีที่เอกชนต้องการจัดหาวัคซีนนั้น พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ศบค.เห็นด้วยที่ให้ภาคเอกชนสามารถจัดหาวัคซีนได้ แต่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่า "ใครจะเป็นผู้ที่จัดหาได้" ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขย้ำชัดเจนว่าจะต้องเป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องมีการทบทวนว่าเอกชนที่จะจัดหาวัคซีนนั้นเข้ามาตรฐานที่สาธารณสุขยอมรับหรือไม่ และต้องนำเสนอที่มาที่ไปของวัคซีนได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"นพ.ปัญญา" หมอไทยคนแรก เสียชีวิตจาก COVID-19

"สมุทรสาคร" สั่งปิด "ตลาดกลางกุ้ง" ต่อถึง 28 ก.พ.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง