"ส.ส.ก้าวไกล" ปูด "นิพนธ์" สอดไส้ "นิคมฯจะนะ"

การเมือง
18 ก.พ. 64
16:20
907
Logo Thai PBS
"ส.ส.ก้าวไกล" ปูด "นิพนธ์" สอดไส้ "นิคมฯจะนะ"

วันนี้ (18 ก.พ.2564) นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา เป็นโครงการที่มีผลประโยชน์แอบอยู่เบื้องหลังของนักการเมืองใหญ่อยู่ในพื้นที่ โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ แท้จริงไม่ใช่โครงการที่จะมีการพัฒนา แต่เต็มไปด้วยการทำลายทรัพยากร อาชีพ เศรษฐกิจ และพี่น้องชาวจะนะ  กระทบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งการล่องเรือดูปลาโลมาสีชมพู ธุรกิจเลี้ยงนกเขาแข่งขัน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละ 100-500 ล้านบาท คงกลายเป็นเพียงแค่ตำนาน เล่าขานให้ลูกหลานเท่านั้น

ชาวบ้านกังวลหากมีโรงงานมาปล่อยมลภาวะ แบบภาคตะวันออก นกเขาก็จะไม่ขัน โครงการเขตพัฒนาพิเศษจะนะที่จะสร้างอุตสาหกรรม กำลังทำลายสิ่งแวดล้อมที่สวยงามให้หมดไป

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะนายก อบจ.สงขลา ขณะนั้นได้แถลงต่อสภา อบจ.ไว้ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2556 ว่าจะพัฒนาพื้นที่พลังงาน ท่าเรือน้ำลึก และอุตสาหกรรม ในพื้นที่ อ.จะนะ นาหม่อม เทพา ซึ่งคนในพื้นที่รู้กันดีว่า มีการเอางบฯ อบจ. ไปลงในพื้นที่อำเภอแถบนั้นมากผิดปกติ 

กระทั่งต่อมา วันที่ 16 ก.พ.2561 นายนิพนธ์ ในฐานะนายก อบจ. ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเวลานั้น เพื่อหารือแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจของ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ของเอกชน โดยยกระดับให้เป็นอุตสาหกรรมพลังงานครบวงจร (Energy Complex) จนนำมาสู่มติ ครม. วันที่ 7 พ.ค.2562 ซึ่งเป็นมติ ครม.ทิ้งทวนของ คสช. หลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ในช่วงที่อยู่ในสูญญากาศระหว่างการตั้งรัฐบาลใหม่ โดยได้มีเห็นชอบขยายผลโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนไปสู่พื้นที่ อ.จะนะ

 

ดังนั้น การที่นายนิพนธ์ให้ข่าวว่าโครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 นั้นผิด เพราะเป็นตัวนายนิพนธ์เองที่เป็นคนวิ่งเต้นเอาโครงการจะนะไปสอดไส้โครงการเดิม เพราะโครงการเดิมตามมติ ครม. 2559 มีแค่ 3 พื้นที่ คือ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี  อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.เบตง จ.ยะลา แต่ไม่ได้มี อ.จะนะ รวมอยู่ด้วย

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ขายฝันกับชาวบ้านว่าจะมีการลงทุนบนพื้นที่ประมาณ 16,753 ไร่ เม็ดเงินลงทุน 18,680 ล้านบาท จะเกิดอุตสาหกรรมหนัก, อุตสาหกรรมเบา, เมืองที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ, ศูนย์รวมและกระจายสินค้า, โรงไฟฟ้า 3,700 เมกกะวัตต์, และอื่นๆ อีกมากมาย มีการโฆษณาว่าจะมีการจ้างงานในพื้นที่ 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้

ปัจจุบันจะเห็นชัดเจนว่าต่างชาติไม่มาลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลล้มเหลว เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีโรงงานปิดไปแล้วมากมาย และหากดูโครงการข้างเคียง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม Rubber City , นิคมอุตสาหกรรมสงขลา ล้วนแล้วแต่ร้าง

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนร้าง ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่สงขลา แต่เกิดขึ้นแบบเดียวกันทั่วประเทศ 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ที่เกิดขึ้นตามนโยบายของประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่สมัยปล้นอำนาจเป็นรัฐบาล คสช. ได้ใช้เงินภาษีประชาชนไปแล้วกว่า 47,000 ล้านบาท แต่การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของเอกชนแค่ 48 โครงการ 8,000 ล้านบาท ไม่ถึง 20% ของเงินลงทุน แต่นายนิพนธ์ พยายามเร่งรัดผลักดันโครงการนี้เหลือเกิน

เบื้องหลังโครงการจะนะคือกลุ่มทุนใหญ่ที่จะมาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ น่าสงสัยที่ไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นฝ่ายทำ แต่กลุ่มทุนนี้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับนายนิพนธ์ และกลุ่มทุนนี้ก็เป็นกลุ่มทุนที่มอบเงินบริจาคโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ 

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า โครงการจะนะที่นายนิพนธ์ และ ศอ.บต. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของนายทุนหรือเพื่อใคร เพราะเมื่อ ส.ค. 2563 ครม.มีมติ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองแก้ไขผังเมือง เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใน 3 ตำบลใน อ.จะนะ จากพื้นที่สีเขียวที่เป็นพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และสีเขียวคาดขาวที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งเดิมห้ามไม่ให้เอกชนตั้งโรงงงานที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมก็ไปเปลี่ยนให้เป็นสีม่วงเข้ม หรือพื้นที่อุตสาหกรรมหนัก โดยการเปิดโปงของนักข่าว ตั้งคำถามเกี่ยวกับการกว้านซื้อที่ดิน โดยมีนักการเมืองระดับชาติ ที่คนในพื้นที่รู้กันดีเกี่ยวข้อง โดยดำเนินการในนามลูกชาย ทนายคนหนึ่ง และเครือญาติ นี่ทำให้ตนกล่าวหานายนิพนธ์ รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน

ข้อมูลการซื้อขายที่ดินจากเอกสารบนที่ดินและหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินสำเนาโฉนดที่ดินในพื้นที่ 3 ตำบลคือ ต.ตลิ่งชัน ต.นา และ ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ของเดือน ม.ค.2563 ซึ่งเป็นเดือนที่ ครม.มีมติเปลี่ยนสีผังเมืองในพื้นที่จากสีเขียวเป็นสีม่วง ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายนิพนธ์เครือญาติใกล้ชิดฝั่งภรรยา ระบบการซื้อขายที่ดินก็น่าสงสัย เพราะ 48 ธุรกรรม ผู้ซื้อผู้ขายรายใหญ่เป็นกลุ่มทุน และนายหน้าที่มีความสัมพันธ์กับเครือญาติของนายนิพนธ์ แปลงที่ดินที่ทำการซื้อขายทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ที่จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีม่วง การรับซื้อที่ดินแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เครือญาตินายนิพนธ์ 23 ธุรกรรม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 236,166 บาทต่อไร่ และกลุ่มทุนใหญ่ 25 ธุรกรรม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 602,608 บาทต่อไร่

 

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า นายนิพนธ์มีข้อมูลภายในให้เครือญาติให้กว้านซื้อที่ดินอย่างชัดเจน ราคาขายและราคารับซื้อที่ดินโดยกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะนะ มูลค่าที่เพิ่มจากการพัฒนาของที่ดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนายหน้า

นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายที่ดินอำพรางระหว่างบริษัทลูกของนายนิพนธ์กับบริษัทกลุ่มทุนใหญ่นั้น โดยบริษัทเครือญาติของนายนิพนธ์ การที่ซื้อที่ดินกับกลุ่มทุนนั้นเหมาะสมหรือไม่

 

 

นายนิพนธ์ ในฐานะนักการเมืองที่มีคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบประชาชน เหมาะสมกับจริยธรรมการเป็นนักการเมืองหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนที่เจ้าหน้าที่พนักงานที่ดินออกโฉนดทับที่ดินชาวบ้าน ที่มีการอ้างว่ามีความสนิทชิดเชื้อกับนายนิพนธ์ กล้าเปิดให้มีการตรวจสอบหรือไม่

เบื้องหลังของนายนิพนธ์คือ เครือข่ายผลประโยชน์เนื้อที่ดินจะนะ เป็นข้อตกลงที่มีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์กับกลุ่มทุนและนายหน้า โครงการจะนะนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่

เมื่อชาวบ้านออกมาต่อต้านก็มีการส่งเจ้าหน้าที่และทหารเข้าไปห้ามปราม เป็นการสุมไฟความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในพื้นที่ เป็นโครงการที่นายทุนคิด ทหารทำ นักการเมืองหาผลประโยชน์ สิ่งที่นายนิพนธ์ กำลังทำคือการทำลายวิถีชีวิตเศรษฐกิจ จิตวิญญาณของพี่น้องชาวจะนะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

ชาวจะนะ ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

 

 

 

 ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจงไม่มีใครฟัง! "นายกรัฐมนตรี" ลุกหนีหลังเคลียร์ปมนิคมฯภาคใต้

"นิพนธ์" ปัดใช้อำนาจบีบบังคับซื้อที่ดินจะนะ

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง