"การบินไทย" ปรับลดผู้บริหารเหลือ 500 อัตรา

เศรษฐกิจ
19 ก.พ. 64
12:43
575
Logo Thai PBS
"การบินไทย" ปรับลดผู้บริหารเหลือ 500 อัตรา
การบินไทย เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กร หวังฟื้นฟูกิจการ เตรียมปรับลดจำนวนผู้บริหารจาก 740 อัตรา เหลือประมาณ 500 อัตรา พร้อมเปิดให้พนักงานเข้าร่วมโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร 2 โครงการ

วันนี้ (19 ก.พ.2564) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการประชาคมคน TG ซึ่งมีผู้ร่วมประชุม อาทิ ผู้แทนฝ่ายต่างๆ ของบริษัทฯ ผู้แทนกองทุน ผู้แทนสมาคมสโมสรพนักงานการบินไทย ผู้แทนสหภาพฯ ต่างๆ และผู้แทนสหกรณ์ฯ ว่า

ตามที่บริษัท การบินไทย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้การฟื้นฟูสำเร็จลุล่วง จนสามารถประกอบกิจการต่อไปได้ จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายๆ ด้าน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และการบริหารจัดการต้นทุนให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยบริษัทมีแนวคิดในการปรับโครงสร้างองค์กรโดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อการเติบโตด้านต่างๆ การเพิ่มขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ การมีขอบเขตการบังคับบัญชาที่เหมาะสม และมีโครงสร้างองค์กรราบและกระชับขึ้น

ในการนี้ บริษัทได้จัดโครงสร้างองค์กรที่เป็นแบบรวมศูนย์สำหรับงานเกี่ยวกับการเงินบัญชี การบริหารงานบุคคล การจัดซื้อ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของงานและเป็นการใช้ข้อมูลร่วมกัน ส่งผลให้โครงสร้างองค์กรมีความกระชับและมีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น รวมทั้งลดจำนวนผู้บริหารลงจาก 740 อัตรา เหลือประมาณ 500 อัตรา

ลดขั้นตอนบังคับบัญชาเหลือ 5 ระดับ

อีกทั้งลดขั้นตอนการบังคับบัญชา จากเดิม 8 ระดับ เหลือ 5 ระดับ ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระดับ 14 ประธานเจ้าหน้าที่ ระดับ 12-13 ผู้อำนวยการ และกรรมการผู้จัดการ ระดับ 11-12 หัวหน้าฝ่าย ระดับ 10 และหัวหน้ากลุ่มงาน ระดับ 8-9 และแบ่งออกเป็น 8 สายงาน ได้แก่ 1.สายการพาณิชย์ 2.สายปฏิบัติการ 3.สายช่าง 4.สายการเงินและการบัญชี 5.สายทรัพยากรบุคคล 6.ฝ่ายดิจิทัล 7.ฝ่ายขับเคลื่อนองค์กร 8.หน่วยธุรกิจการบิน

ทั้งนี้ ภายในหน่วยงานดังกล่าว บริษัทได้เพิ่มหน่วยงานใหม่ 2 หน่วยงาน ได้แก่ ฝ่ายขับเคลื่อนองค์กร (Transformation) โดยจะทำหน้าที่ขับเคลื่อน ประสานเชื่อมโยงและรวบรวมความคิดริเริ่มที่มาจากพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งขณะนี้มีโครงการริเริ่มแล้วกว่า 600 โครงการ หากดำเนินการตามแผนคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่วางแผน กำหนดทิศทางกลยุทธ์ในภาพรวม การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของบริษัทและการบริหารจัดการบริษัทในเครือ

เปิดโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร ให้พนักงานสมัครใจเสียสละเข้าร่วมโครงการและลาออกจากบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการร่วมใจจากองค์กรแผน B (MSP B) เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการลาระยะยาว Leave With 20% Pay ที่พนักงานได้รับเงินเดือนร้อยละ 20 เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2563 - 30 เม.ย.2564 และโครงการร่วมใจจากองค์กรแผน C (MSP C)

โดยทั้ง 2 โครงการ จะเปิดรับสมัคร แบ่งเป็น 4 Block ได้แก่ Block ที่ 1 รับสมัครตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. - 2 มี.ค.2564 Block ที่ 2 รับสมัครตั้งแต่ 2 - 16 มี.ค.2564 Block ที่ 3 รับสมัครตั้งแต่ 16 มี.ค. - 1 เม.ย.2564 Block ที่ 4 รับสมัครตั้งแต่ 1 - 19 เม.ย.2564 ซึ่งพนักงานที่เข้าโครงการฯ จะได้รับเงินตอบแทนในอัตราเทียบเท่าค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน คำนวณจากค่าจ้างอัตราสุดท้ายของพนักงานตามกฎหมาย และยังมีเงินตอบแทนพิเศษเพิ่มเติม

โดยพนักงานที่เข้า MSP B จะได้เงินตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมเท่ากับเงินเดือน 4 เดือน ส่วนพนักงานที่สมัครใจเข้าโครงการ MSP C จะได้เงินตอบแทนพิเศษเพิ่มเติม เท่ากับเงินเดือน 0.5 - 1 เดือน ตามอายุของพนักงาน ทั้งนี้ บริษัทจะแบ่งจ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าวเป็นระยะเวลา 12 งวด โดย MSP B Block ที่ 1 เริ่มจ่ายงวดแรกในเดือน มิ.ย.2564 และ Block ที่ 2 - 4 เริ่มจ่ายงวดแรกในเดือนถัดไปตามลำดับ ส่วน MSP C Block ที่ 1 เริ่มจ่ายงวดแรกในเดือน ก.ย.2564 และ Block ที่ 2 - 4 เริ่มจ่ายงวดแรกในเดือนถัดไปตามลำดับ

เชื่อมั่นปรับโครงสร้างช่วยเพิ่มขีดแข่งขัน

สำหรับการทำงานในโครงสร้างองค์กรใหม่นั้น บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบดิจิทัลมาขับเคลื่อนองค์กร เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบประกอบการตัดสินใจในทางธุรกิจและสนับสนุนให้เกิดการทำงานข้ามสายงาน โดยพนักงานทุกคนมีทิศทางและเป้าหมายร่วมกัน ภายใต้วิสัยทัศน์ขององค์กรที่กระตุ้นให้พนักงานแสดงความคิดเห็นด้วยวิธีการใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถสร้างกำไร ควบคุมค่าใช้จ่าย ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน ทั้งในธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน

นายชาญศิลป์ กล่าวอีกว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะกลับมาให้บริการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจนสามารถกลับมาเป็นผู้นำในตลาดอุตสาหกรรมการบินได้ ทั้งนี้ การฟื้นฟูกิจการจะประสบความสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมถึงเจ้าหนี้และพนักงานทุกคน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง