"ชัยวัฒน์" จ่อฟ้องคนให้ข่าว ป.ป.ท.มีมติไล่ออกจากราชการ

สิ่งแวดล้อม
1 มี.ค. 64
17:49
1,379
Logo Thai PBS
"ชัยวัฒน์" จ่อฟ้องคนให้ข่าว ป.ป.ท.มีมติไล่ออกจากราชการ
"ชัยวัฒน์" จ่อฟ้องคนปล่อยข่าว ป.ป.ท.มีมติไล่ออกจากราชการ พร้อมขอความเป็นธรรม เพราะ ป.ป.ท.ไม่เคยลงพื้นที่บางกลอยเพื่อตรวจสอบเลย

วันนี้ (1 มี.ค.2564) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เดินทางเข้ามายื่นหนังสือต่อ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.ตร.)

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ชี้มูลคดีที่นายชัยวัฒน์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และมีมติให้ออกจากราชการ กรณีเข้ารื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือนยุ้งฉางและทรัพย์สินอื่นๆ ของนายโคอิ หรือคออิ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดิน และชาวบ้านอีกหลายราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5- 9 พ.ค.2554

โดยนายชัยวัฒน์ระบุว่า การเดินทางมาที่ ป.ป.ป.ตร. ครั้งนี้ จะฟ้องร้อง ในมาตรา 157 และมาตรา 200 วรรค 2 เนื่องจากมีการปล่อยข่าว และชี้มูลให้ออกจากราชการ พร้อมยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือผลการประชุม ที่มีการชี้มูลความผิดดังกล่าวอย่างเป็นทางการ จึงต้องการฟ้องร้องผู้ที่ให้ข่าวตามที่มีการปรากฏชื่อ

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือถึงป.ป.ท. ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีที่มีการ ระบุว่า นายชัยวัฒน์ เผาทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่สุดท้ายกลับไม่มีการลงพื้นที่ และต่อมามีการชี้มูลความผิด ซึ่งถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และคนรอบข้างเข้าใจว่า ถูกให้ออกจากราชการแล้ว

มีข่าวจากสื่อบอกว่า มีการชี้มูลว่าให้ออกจากราชการ เหมือนเอาชีวิตผมไปแช่แข็ง และทำให้ทุกคดีกระบวนการที่ผมทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการค้าสัตว์ป่า การค้าไม้ ขณะนี้ทุกอย่างต้องหยุดหมด ที่ผมทำมาทั้งชีวิต ลูกน้องผมหมดกำลังในใจการทำงาน ผมขอถามหาความชอบธรรม

นายชัยวัฒน์ยังขอชี้แจงต่อสังคมกรณีการเผาบ้านปู่คออี้ว่า ในมีพื้นที่หมู่ 1 บางกลอยและหมู่ 2 บ้านโป่งลึก เป็นชุมชนที่มีการพัฒนา มีโรงเรียน มีสัญญาณสื่อสาร สะพานแขวน มีสาธารณสุขมีที่ทำกินของราษฎร ตรงนี้เป็นหมู่บ้านยืนยันว่า ผมไม่ได้เผาตรงหมู่บ้านนี้ แต่เป็นจุดชายแดนไทย-พม่า ที่มีการบุกรุกบริเวณนั้น

และที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ปี 2551 เป็นเวลา 6 ปี ยุทธการมีทั้งหมด 9 ครั้ง ช่วง 1-3 เป็นช่วงการเจรจา และจากการตรวจพบผู้บุกรุกก็ไม่ใช่คนของหมู่บ้านบางกลอย แต่เป็นคนพม่า แล้วไปเจอยาเสพติด กัญชา ซากสัตว์ป่า อาวุธทุกอย่างซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

 

จนทำให้เกิดการถอยร่นและยืนยันว่า จุดพื้นที่พบมีที่กองกำลังติดอาวุธที่ไม่ทราบฝ่าย ซึ่งการติดป้ายประกาศ ตามมาตรา 22 ที่ให้ผู้นำชุมชนประกาศเสียงตามสายติดป้ายในชุมชนอยู่แล้ว และมีการประชาสัมพันธ์หลายครั้งว่า บุคคลใดที่บุกรุกขอให้รื้อถอนและออกมา ซึ่งมาตราดังกล่าวให้อำนาจในการรื้อถอนทำลาย

ได้เข้าไปประมาณ 9 ครั้ง รวม 98 เพิงพัก และเผาทำลายที่พัก เพราะพบยาเสพติดจึงมีการเผาทำลาย และยืนยันว่าเป็นคนละจุดกัน ระหว่างบ้านใจแผ่นดินและบ้านของปู่คออี้

นายชัยวัฒน์ยังยืนยันว่า ไม่มีใครทำลายบ้านของปู่คออี้เลย แต่สุดท้ายกลับมีการฟ้องร้อง ซึ่งเป็นคนละพื้นที่ คนละวัน คนละจุด คนละเหตุการณ์ นอกจากนี้จุดพิกัดของบ้านปู่คออี้ทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่บริเวณใด

ขณะที่ในศาลปกครองก็ยังไม่มีการระบุว่า บ้านของปู่คออี้อยู่ที่บริเวณใด และใครเป็นคนเผา ซึ่งยังไม่มีใครเป็นคนชี้ได้ จึงขอความเป็นธรรมด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง