เหนืออ่วม! หมอกควันข้ามแดน คพ.ส่งหนังสือชาติอาเซียนลดเผาป่า

สิ่งแวดล้อม
10 มี.ค. 64
09:12
1,742
Logo Thai PBS
เหนืออ่วม! หมอกควันข้ามแดน คพ.ส่งหนังสือชาติอาเซียนลดเผาป่า
นายกรัฐมนตรี ชี้ปัญหาฝุ่นภาคเหนือต้องขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน หลังพบจุดความร้อนสะสม 17 จังหวัดมากกว่า 40,000 จุด ต้องระดมสรรพกำลังสกัดไฟป่า ด้านกรมควบคุมมลพิษ เตรียมส่งหนังสือถึงเลขาธิการอาเซียน แจ้งเตือนเพื่อนบ้านติดไทยลดการเผา

วันนี้ (10 มี.ค.2564) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานคุณภาพอากาศ ทาง Air4thai พื้นที่ภาคเหนืออยู่ในระดับ คุณภาพดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 ตรวจพบค่าระหว่าง 30-200 มคก.ต่อลบ.ม.เกินมาตรฐาน 16 พื้นที่ สูงสุดที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 200 มคก.ต่อลบ.ม.โดยพบฝุ่นเกินมาตรฐาน 7 วันติดตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ค่าฝุ่น PM10 ตรวจพบค่าระหว่าง 57 - 261 มคก.ต่อลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตากรพ.เทพรัตนฯ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ สาเหตุมาจากจุดความร้อนจำนวนมาก ทำให้ฝุ่นควันเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นไทยต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงให้คำแนะนำแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยในประเทศไทย จะต้องลดจำนวนจุดความร้อนให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเผาวัชพืช ซึ่งได้ย้ำไปแล้วว่าให้ปรับเปลี่ยนโดยการนำวัชพืชไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทนการเผา 

ระดมกำลังสกัดไฟป่า ลดปัญหาหมอกควันภาคเหนือ

เพจไทยคู่ฟ้า ระบุว่า จากสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ที่กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นปีนี้ โดยตรวจพบจุดความร้อนสะสมรวมแล้วกว่า 40,000 จุด จึงระดมสรรพกำลังของภาครัฐ เช่น จังหวัด อำเภอ กรมควบคุมมลพิษ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กองทัพภาคที่ 3 และจิตอาสาจากภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวัง และกำจัดจุดความร้อน

กิจกรรมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการชิงเก็บ คือ เก็บเชื้อเพลิงออกจากป่าแล้วเกือบ 1,200 ตัน ทำให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ ทำจุดเติมน้ำในป่าเพื่อให้ดับไฟได้รวดเร็วมากขึ้น และใช้ดาวเทียมระบบโมดิสในการสำรวจหาจุดความร้อน เพื่อเฝ้าระวังและดับไฟได้อย่างทันท่วงที

ตอนนี้ประกาศให้ภาคเหนือตอนบน เป็นพื้นที่ห้ามเผาโดยเด็ดขาด หากมีความจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อำเภอ หรือจังหวัดก่อน เพื่อให้มีการเฝ้าระวังและควบคุมเพลิงไม่ให้ลามไปยังพื้นที่ป่า และดับไฟให้เรียบร้อยเมื่อเสร็จภารกิจ

อ่านข่าวเพิ่ม "แม่ฮ่องสอน" ฝุ่นพิษเกิน 6 เท่าสูงสุดในรอบสัปดาห์

คพ.เตรียมส่งหนังสือเลขาอาเซียนลดปัญหาเผา

ส่วนปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จะส่งหนังสือไปยังเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้แจ้งเตือนไปยังประเทศดังกล่าวลดการเผาเพื่อลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน หมั่นตรวจสอบสภาพอากาศผ่านแอปพลิ เคชัน Air4Thai หลีกเลี่ยงพื้นที่สีส้ม และสีแดง สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้าน และช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการเผาให้แจ้งจังหวัด หรือสายด่วนกรมควบคุมมลพิษ 1650 ทันที

ขณะที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) รายงานว่าข้อมูลภาพจากดาวเทียมระบบ MODIS เฝ้าติดตามสถานการณ์ความเสี่ยงพื้นที่เกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง จากภาพแสดงให้เห็น 17 จังหวัดภาคเหนือที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในช่วง 8-14 มี.ค.นี้ โดยพบ 3 จังหวัดมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ตาก และแม่ฮ่องสอน

ส่วนอีก 14 จังหวัดที่เหลือยังคงมีพื้นที่เสี่ยงกระจายอยู่โดยรอบโดยพื้นที่ที่ควรจับตาเป็นพิเศษ คือ จ.ลำปาง และน่าน เนื่องจากสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นและสภาพพื้นผิวแห้งแล้งอาจจะทำให้เกิดประกายไฟได้ง่าย

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังภัยสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมถึงสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากหมอกควัน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เหนือระอุ! "ฝุ่นพิษ" วิกฤตเกิน 5 เท่า จุดความร้อนสะสม 40,669 จุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง