โควิด-19ไม่กระทบธุรกิจเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ

เศรษฐกิจ
19 มี.ค. 64
11:33
764
Logo Thai PBS
โควิด-19ไม่กระทบธุรกิจเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ
ธุรกิจหนึ่งที่สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤต นั่นคือธุรกิจเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพอาศัยการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แม้ว่าต้นทุนการเลี้ยงจะสูงและต้องอาศัยความชำนาญในการเลี้ยง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับรายได้

หอยเป๋าฮื้อ หรือหอยโข่งทะเล สายพันธุ์จากญี่ปุ่น อายุ 4 ปี ถูกเลี้ยงไว้เพื่อขยายพันธุ์ เมื่อลูกหอยมีอายุประมาณ 6 เดือนก็ถูกย้ายจากจังหวัดภูเก็ต ไปเพาะเลี้ยงต่อที่จังหวัดพังงา และเลี้ยงไปจนกว่าอายุ 1 ปีครึ่ง จึงจะสามารถมาแปรรูป ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ

ลักษณะของหอยเป๋าฮื้อจะเป็นหอยฝาเดียวขนาด รูปร่าง และสีของเปลือกแตกต่างกันไป ตามสภาพถิ่นที่อยู่กินสาหร่ายเป็นอาหาร มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ใช้ได้ทั้งเนื้อเเละเปลือก

เจ้าของฟาร์ม เล่าว่า ทำธุรกิจเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อมากว่า 20 ปีแล้ว เดิมส่งออกเป็นอาหารขายไปยังต่างประเทศ แต่ขาดทุน

จึงปรับมาเลี้ยงเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ เครื่องสำอางบำรุงฟื้นฟูผิว และคอลลาเจนสกัดเย็นจากหอยเป๋าฮื้อพร้อมดื่ม ผสมน้ำผลไม้ ตลาดตอบรับดี เน้นขายออนไลน์ในประเทศเป็นหลัก และมีแผนทำตลาดในประเทศจีน ยอดขายเติบโตต่อเนื่องแม้ว่าจะเกิดการระบาดของโควิด-19

แต่การเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อมีต้นทุนสูง และใช้เวลานานทำให้ไม่มีผู้เลี้ยง ผู้ที่สนใจจะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยง เพราะอัตราการรอดของลูกหอยเป๋าฮื้อนั้นมีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น

เช่น ลูกหอย 100 ตัว อัตราการรอดจะอยู่ที่ 5 ตัวเท่านั้น สามารถเลี้ยงได้นาน 15-20 ปี โดยหอยเป๋าฮื้อกระป๋อง 1 ตัว จะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 บาท

อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า จากการลงพื้นที่ พบว่าหอยเป๋าฮื้อเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ จากความตกลงการค้าเสรีหรือ เอฟทีเอในการทำตลาดได้

ส่วนปัญหาการจดสิทธิบัตรที่ยังพบว่าเป็นอุปสรรคใน การขยายตลาดนั้นได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขแล้ว

นางอรมน กล่าวว่า หอยเป๋าฮื้อถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าจับตา มีมูลค่าทางการตลาดสูง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น โดยนำเข้าในรูปแบบอาหารสดแช่แข็ง และอาหารกระป๋องและแปรรูป

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการของไทย สามารถเพาะเลี้ยงหอยชนิดนี้ในเชิงพาณิชย์ได้ และได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดี เนื้อมาก และเปลือกน้อย จึงช่วยลดการนำเข้า และทำให้ไทยส่งออกไปต่างประเทศได้ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และไม่เก็บภาษีนำเข้าหอยเป๋าฮื้อสด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูปจากไทย

ปัจจุบันประเทศคู่ FTA ของไทยได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมง รวมทั้งหอยเป๋าฮื้อสด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูปจากไทยแล้ว

ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ยังคงเก็บภาษีประมงบางรายการจากไทย รวมทั้งหอยเป๋าฮื้อที่ร้อยละ 5-16 และอินเดีย ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมงบางรายการจากไทย

ในปี 2563 ไทยผู้ส่งออกสินค้าประมงอันดับที่ 13 ของโลก มูลค่า 1,567 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา อาเซียน และเกาหลีใต้

ส่วนหอยเป๋าฮื้อ ไทยส่งออกมูลค่า 4,788 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกสินค้าประเภทเป๋าฮื้อปรุงแต่ง ตลาดหลักคือ เกาหลีใต้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง