DSI ลงพื้นที่สืบสวนบุกรุกป่า-ตัดไม้ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

ภูมิภาค
19 มี.ค. 64
13:38
371
Logo Thai PBS
DSI ลงพื้นที่สืบสวนบุกรุกป่า-ตัดไม้ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส
ดีเอสไอลงพื้นที่สำรวจพื้นที่การบุกรุกป่า-ตัดต้นไม้ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พบถูกแผ้วถางหลายจุด ในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ที่ถูกสั่งเพิกถอน เพราะไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้

วันที่ 17 มี.ค.2564 พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายชยพล สายทวี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปพ.จชต.) ลงพื้นที่สืบสวน

กรณี การบุกรุกตัดไม้ แผ้วถาง และยึดถือครอบครองป่าและออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ตามเลขสืบสวนที่ 70/2564

 

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ที่ทำการทางยุทธวิธี สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (ทก.ยว. กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้เปิดยุทธการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ และได้ประสานข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้าดำเนินการ

จากการตรวจสอบข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร (ทก.ยว.กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนราธิวาส สาขารือเสาะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร พบข้อเท็จจริงว่า ในพื้นที่บริเวณดังกล่าว กรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3ก) เลขที่ 321-370 ,3742399 และ 542-553 ระหว่างรูปถ่ายทางอากาศหมายเลข 5321 IV แผนที่ 161 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จำนวน 88 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่

เนื่องจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3ก) ดังกล่าวออกตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3ก) ในปีงบในปีงบประมาณ 2537 โดยไม่มีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากได้ออกในบริเวณพื้นที่ที่เป็นเขาหรือภูเขาและมีความลาดชันเกินกว่า 35 %

 

ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2528 เห็นชอบด้วยนโยบายป่าไม้แห่งชาติ กำหนดพื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35 % ขึ้นไป ไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้โดยไม่อนุญาตให้มีการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

จากกรณีดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศพระราชบัญญัติการสอบสวนพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

 

และตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ซึ่งจะได้สืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและประมวลเรื่องเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่า มีเหตุและมีเงื่อนไขที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง