ความคืบหน้าเกี่ยวกับการนำจดหมายออกนอกเรือนจำ ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และนายอานนท์ นำภา ว่าถูกส่งให้บุคคลภายนอกได้อย่างไร และสามารถโพสต์บนสื่อโซชียลได้อย่างไร รวมถึงกรณีการย้ายตัวนายพริษฐ์ไปที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีในเวลากลางคืนถูกต้องหรือไม่นั้น
วันนี้ (23 มี.ค.2564) นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วแต่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดและถี่ถ้วน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในระหว่างที่นายพริษฐ์ และนายอานนท์ ถูกนำตัวขึ้นศาล
ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการตรวจสอบความเรียบร้อยของผู้ต้องขังทุกครั้ง โดยเฉพาะการตรวจสอบสิ่งของต่าง ๆ เพื่อไมให้มีการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าและออกเรื่อนจำ ซึ่งในขณะที่ค้นตัวก่อนและเข้าเรือนจำในวันดังกล่าว ไม่พบเอกสารหรือจดหมายในตัวของผู้ต้องขังทั้งสองรายแต่อย่างใด
ในส่วนการโพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลมีเตียของผู้ต้องขังที่ปรากฏสู่สาธารณะ ขอเรียนยืนยันตามที่กรมราชทัณฑ์เคยขี้แจงไปแล้วว่าในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ผู้ต้องขังไม่สามารถใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือสื่อสารได้ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เองก็ไม่สามารถนำเข้าในเขตพื้นที่เรือนจำไต้ จึงเป็นไปไม่ใด้ที่ผู้ต้องขังทั้ง 2 ราย จะสามารถโพสต์ข้อความเหล่านั้นไต้ด้วยตัวเอง
เบื้องตันทราบว่าเป็นการฝากข้อความผ่านทนายความและผู้ที่ไว้ใจในการโพสต์จากข้างนอกเรือนจำ
ทั้งนี้ เจ้าของเฟซบุ๊กเพจสามารถกำหนดสิทธิผู้ดูแล หรือ Admin ให้ใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องโพสต์ด้วยตัวเอง ซึ่งในกรณีดังกล่าวนายพริษฐ์เคยลงบันทึกข้อความไว้แล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่าข้อความและถ้อยคำที่ตนเองสื่อสารออกไปเป็นการฝากบุคคลภายนอกโพสต์แทนตนเอง
ย้ายตัวกลางคืน เป็นไปตามกระบวนการ
สำหรับประเด็นการย้ายที่คุมขังของนายพริษฐ์นั้น เป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอาญา ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2564 โดยให้กักขังเป็นเวลา 15 วัน นายพริษฐ์ จึงถูกส่งตัวไปรับโทษกักขังยังสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีในวันเดียวกัน จากเดิมที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไม่ใช่สถานที่กักขังตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 24 วรรคหนึ่ง จึงไม่อาจบังคับโทษกักขังตามคำพิพากษาของศาลไต้ แต่หากนายพริษฐ์ ได้รับโทษกักขังครบตามคำพิพากษาของศาลแล้ว (จะครบกำหนด 15 วัน ตามคำพิพากษาของศาลในวันที่ 6 เม.ย.2564) สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีก็จะต้องส่งตัวนายพริษฐ์ กลับมาคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามเดิม เพื่อรอการพิจารณาคดีอื่นที่ยังคงเหลืออยู่
นายธวัชชัย กล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยที่ว่าเหตุใดจึงมีการย้ายตัวในเวลากลางคืนนั้นต้องเรียนว่ากรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม และเป็นงานลักษณะพิเศษที่ต้องดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับหมายศาลมาเวลาใด เจ้าหน้าที่ต้องรีบดำเนินการในทันทีให้ถูกต้องตามระเบียบ จึงดำเนินการส่งตัวไปที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีในเวลากลางคืนหลังจากได้รับหมายศาล ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของงานราชทัณฑ์
ขั้นตอนการดำเนินการทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าจะมีการดำเนินการแล้วเสร็จ เพราะเป็นระเบียบปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ในเรื่องของความปลอดภัยระหว่างขนย้ายผู้ต้องขัง ไม่สามารถแจ้งญาติหรือบุคคลภายนอกให้ทราบล่วงหน้าได้
นายธวัชชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าอาการล่าสุดของนายพริษฐ์หลังจากอดอาหารเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ว่า จากการตรวจร่างกายในช่วงเช้าวันนี้ (23 มี.ค.) พบว่านายพริษฐ์มีผื่นคันที่หน้าอกและหลังและมีอาการอ่อนเพลียลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม สภาพร่างกายทั่วไปยังไม่น่าเป็นห่วง
นายพริษฐ์ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารและการตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว เนื่องจากวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ให้คำแนะนำการรับประทานอาหารและจัดเตรียมผงเกลือแร่ นม น้ำหวานและโอวัลตินให้พร้อมทั้งเตรียมพร้อมตลอดเวลาหากเกิดความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ย้าย "เพนกวิน" ไปสถานกักขังปทุมธานี ฐานละเมิดอำนาจศาล
บิลค่าอาหาร "เพนกวิน" หลังประกาศขออดอาหารประท้วง
จำคุก 1 เดือน “เพนกวิน” ละเมิดศาล ลดโทษเหลือกักขัง 15 วัน