วันนี้ (3 เม.ย.2564) นายเลอพงศ์ สวนสังข์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า การปฏิบัติงานค้นหากู้ภัยในครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากการถล่มเกิดจากเหตุเพลิงไหม้ที่มีความร้อนกว่า 200 องศาเซลเซส แม้ว่าจะใช้เครื่องมือตรวจจับสัญญาณชีพแล้วพบมี 1 คน แต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือได้
ขณะที่การกู้ภัยครั้งนี้มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ และมีสุนัขกู้ภัยจากทีมสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ ที่เป็นอาสาสมัครนำสุนัขของตัวเองไปฝึกกู้ภัย แล้วมาร่วมอยู่ในทีมกู้ภัยของ ปภ.โดยแบ่งชุดกันเข้าไปร่วมค้นหากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ประสบภัย ก็จะสวมรองเท้ากันความร้อน และเศษวัสดุที่มีความแหลมคมก่อนเข้าไปด้วย
หลังจากผ่านการค้นหาผู้รอดชีวิตมากว่า 9 ชม. หัวหน้าชุดแต่ละหน่วยงาน ได้มาสรุปร่วมกันก็พบว่า กู้ภัยที่รอดชีวิตในซากอาคารช่วงเช้า ยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว ทำให้ข้อมูลล่าสุดมีผู้ติดอยู่ใต้อาคารรวม 4 คน เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย 3 คน ส่วนอีก 1 คน เป็นคนอยู่ในบ้าน แต่ล่าสุดก็พบสัญญาณชีพเพิ่มอีก 1 คน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายใด เนื่องจากยังไม่ได้การแจ้งคนหายไว้ การค้นหาเจ้าหน้าที่จะเน้นไปจุดที่พบสัญญาณชีพก่อน เนื่องจากหากไปเคลื่อนย้ายจุดที่พบศพอาจส่งผลกระทบต่อตุดที่พบสัญญาณชีพ
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.20 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ประกอบด้วย รถเครน รถแบ็กโฮ และรถไฟส่องสว่าง เข้ามาในพื้นที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการเคลื่อนย้ายซากอาคารออกไปได้ เนื่องจากโครงสร้างอาคารมีขนาดใหญ่มาก จึงต้องใช้รถตัดถ่างโครงสร้างอาคารใหญ่น้ำหนัก 70 ตัน เข้ามาดำเนินการตัดโครงสร้างอาคาร แต่จากการสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงอาคารที่จะใช้ปฏิบัติงานมีสภาพดินอ่อนตัวทำให้รถที่มีน้ำหนักมากอาจไม่สามารถทำงานได้ จึงต้องนำแผ่นเหล็กเข้ามาปูพื้นรองรับน้ำหนักของรถเครื่องจักร
นอกจากนี้ยังได้ระดมอาสากู้ภัยจากหลายจังหวัด หลายหน่วยงาน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจาก กทม.กระทรวงมหาดไทย ทหารเรือ และกลุ่มจิตอาสา 904 กว่า 300 คน มาเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อให้การกู้ร่างผู้เสียชีวิตให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้ ( 3 เม.ย.) ซึ่งคาดว่าศพแรกจะออกจากใต้ซากอาคารได้ ช้าสุดภายในเที่ยงคืนวันนี้
ส่วนมาตรการให้ความช่วยเหลืออาสาสมัครทั้ง 4 คน เบื้องต้น กทม.มีเงินช่วยเหลือส่วนหนึ่ง รายละประมาณ 100,000 บาท บุคคลเหล่านี้ถือเป็นฮีโร่ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้อื่นแต่ตัวเองต้องมาเสียชีวิต ดังนั้นค่าตอบแทนที่ได้ต้องคุ้มค่า โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ข้างหลังต้องไม่เดือดร้อน ดังนั้นตนจะของบสนันสนุนจากรัฐบาลมาให้ได้เป็นรายละ 1 ล้านบาท และจะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด