วันนี้ (21 เม.ย. 2564) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ทั่วประเทศ พบว่ามากกว่าครึ่งสามารถรับมือและควบคุมได้ เหลือประมาณ 20 จังหวัดที่มีการระบาดมาก ซึ่งโรคนี้หากควบคุมได้อย่างรวดเร็วจะลดการติดเชื้อลงได้ รวมทั้งจากการใช้มาตรการควบคุมโรคและมาตรการทางสังคมต่างๆ คาดว่าปลายสัปดาห์นี้จะเริ่มเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง
สำหรับการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ใหม่คือ สายพันธุ์ B 1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษ จึงต้องดูแลผู้ติดเชื้อ 14 วัน จากเดิมที่ดูแลผู้ติดเชื้อเพียง 10 วัน ทำให้ผู้ติดเชื้อแต่ละคนต้องใช้เตียงนานขึ้น
นอกจากนี้มีข้อมูลปรากฏว่า การระบาดรอบนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้ดูเหมือนว่าผู้ติดเชื้อมีอาการมาก คนไข้หนักก็เริ่มเห็นมากขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมเตียงไอซียู โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำคู่มือการประเมินความพร้อมในด้านต่างๆ เป็นแนวปฏิบัติให้ทุกโรงพยาบาลได้สำรองและเตรียมอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไว้อย่างเพียงพอ
ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์รักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19 เดิมมีประมาณ 600,000-700,000 เม็ด ถือว่ามีเยอะ เนื่องจากขณะนั้นมีผู้ติดเชื้อน้อย แต่ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น นักวิชาการหลายคนเห็นว่าควรให้ยาเร็วขึ้นเพื่อลดอาการปอดอักเสบ จึงทำให้มีการใช้ยาเพิ่มมากขึ้นไปอีก จากที่ใช้วันละไม่กี่เม็ด เพิ่มเป็นวันละ 20,000 เม็ด ขณะนี้ได้สั่งซื้อยามาอีก 2 ล้านเม็ดเพื่อรองรับสถานการณ์แล้วกระจายยาอย่างทั่วถึงเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดยา และสั่งซื้อยาฉีดเรมดิซีเวียร์เพิ่มเช่นกัน
ปรับฉีดวัคซีนบุคลากร 3 แสนคนภายใน 25 เม.ย.
ปลัดสธ.กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องวัคซีน COVID-19 จำเป็นต้องมีการปรับแผนการฉีดตามสถานการณ์ ซึ่งในช่วงการระบาดความสำคัญอยู่ที่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าต้องได้รับวัคซีน 100% วันนี้ (21 เม.ย.)จะกระจายวัคซีนซิโนแวคล็อต 1 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าประมาณเกือบ 600,000 โดส หรือประมาณ 300,000 คน เร่งรัดการฉีดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 เม.ย.นี้ จะทำให้การฉีดวัคซีนภาพรวมของประเทศไทยเกิน 1 ล้านโดสภายในสัปดาห์นี้
โดยจะให้เร่งการฉีดวัคซีนทั้งเข็มแรก และเข็มที่สองในกลุ่มเสี่ยงในทุกจังหวัดด้วยเช่นกัน หากทำได้อย่างรวดเร็วจะส่งวัคซีนลงไปสนับสนุนเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีวัคซีนที่จะเข้ามาอีก 5 แสนโดสในวันที่ 24 เม.ย.นี้ และกำลังเจรจานำเข้ามาอีก 1 ล้านโดส จากนั้นจะเป็นการฉีดวัคซีนล็อตใหญ่ของแอสตร้าเซนเนก้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ เผยไทยจัดหาวัคซีน COVID-19 อีก 2-3 ยี่ห้อ 35 ล้านโดส
เตือนวัคซีน "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน