ใส่แมสก์ใต้คาง-ไม่ปิดจมูก-อยู่ในรถส่วนตัวเข้าข่ายถูกปรับ 2 หมื่น

สังคม
26 เม.ย. 64
12:31
23,768
Logo Thai PBS
ใส่แมสก์ใต้คาง-ไม่ปิดจมูก-อยู่ในรถส่วนตัวเข้าข่ายถูกปรับ 2 หมื่น
วันแรก! (26 เม.ย.) กทม.เริ่มแล้วบังคับใส่หน้ากากอนามัยออกจากบ้าน ไม่ใส่ถูกปรับจริง โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้านรองอัยการ โพสต์เตือน ใส่ไม่ถูกวิธี ใส่ใต้คาง ใส่หน้ากากปิดปาก แต่ไม่ปิดจมูก ไม่ใส่ในรถสาธารณะ รถส่วนตัวถ้ามีคนนั่งด้วย ก็ถือว่าผิดกฎหมาย

วันนี้ (26 เม.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ กทม.ประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ กทม.ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก หากฝ่าฝืนมีโทษปรับตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท เนื่องจากสถานการณ์โรค COVID-19 มีจำนวนมากขึ้น ดังนี้ 

  • ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างถูกต้องหรือถูกวิธีทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก
  • ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ทั้งนี้เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะจึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.นี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

อ่านข่าวเพิ่ม เช็ก! จังหวัดไหนบ้าง ไม่ใส่หน้ากากออกจากบ้าน ปรับ 20,000 บาท ?

แบบไหนเข้าข่ายผิด-ถูกปรับบ้าง

ขณะที่บรรยากาศในกทม.แม้ปกติส่วนใหญ่จะพบว่ามีการจะสวมใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่แล้ว โดยจากการสำรวจย่านถนนข้าวสาร ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่เปิดการท่องเที่ยว และแต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้า และคนที่เดินทางต่างพร้อมใจกันใส่หน้ากากอนามัย 

ขณะที่พื้นที่ย่านเศรษฐกิจสำคัญ เช่น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และย่านราชประสงค์ พบว่าวันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากบ้าน มายังสถานที่สาธารณะ 

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บอกว่า วันแรกของมาตรการปรับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ และทุกครั้งที่ออกนอกเคหสถาน หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยจะพิจารณาดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน

กทม.จำเป็นต้องเคร่งครัดมาตรการนี้ ไม่มีเจตนาปรับ แต่ต้องการให้ทุกคนมีจิตสำนึก หลังที่ผ่านมาพบมาตรการส่วนบุคคลย่อหย่อนจนนำมาสู่การระบาด

ทั้งนี้เชื่อว่า แต่ละบ้านมีหน้ากากอนามัยอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมากทม. ก็นำหน้ากากอนามัยไปแจก รวมทั้งนักการเมืองที่ลงไปเยี่ยมชุมชนก็นำหน้ากากอนามัยไปแจกเช่นกัน หากไม่อยากถูกปรับ ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันตัวเองแล้ว ยังป้องกันการแพร่เชื้อบุคคลรอบข้าง

หากพบเห็นผู้ไม่สวมหน้ากากให้แจ้งตำรวจ หรือ​เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ (เขต) ส่วนกรณีแจ้งเขต เขตต้องดำเนินการแจ้งความต่อตำรวจท​เพื่อสอบสวน​ นำส่งอัยการ​ และให้พิจารณาเพื่อเปรียบเทียบปรับตามดุลยพินิจศาลต่อไป

กังขากฎหมายจับปรับครอบคลุมแค่ไหน?

ไทยพีบีเอสออนไลน์สัมภาษณ์ น.ส.นิฐิญา พงษ์ราย พนักงานบริษัท ระบุว่าตั้งแต่สถานการณ์ COVID-19 ระบาดระลอกแรก ก็ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาออกมาจับจ่ายซื้อข้าวของเครื่องใช้ ในชีวิตประจำวัน จึงอยากให้ทุกคนที่ออกมานอกบ้านร่วมใจกันใส่เพื่อลดความเสี่ยงต่อบุคคลอื่น

แต่ก็ยังงงเรื่องเงื่อนไขการสวมใส่หน้ากากอนามัยว่าครอบคลุมในกรณีใดบ้าง เช่น ข้อสงสัยเรื่องการนั่งอยู่ในรถยนต์ส่วนตัวคนเดียว เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้มีความชัดเจนในประเด็นเหล่านี้ 

 

เช่นดียวกันนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โพสต์เฟซบุ๊ก  รณรงค์ แก้วเพ็ชร ระบุว่า ขับรถคนเดียวไม่ใส่หน้ากากอนามัยผิดกฎหมายไหม?

คำสั่งบอกออกนอกเคหสถานถ้าไม่ใส่ปรับ 20,000 บาท ในรถยนต์คือนอกเคหสถานแล้วตามตัวประกาศที่ออกเลย

ส่วนล่าสุดไลน์กลุ่มข่าวสารของ กทม.บอกนิติกรให้ข้อมูลว่าไม่ใส่หน้ากากอนามัยในรถที่ขับคนเดียวไม่ผิดกฎหมาย คือถ้ากองนิติกรกลัวทัวร์ลง เพราะเรื่องนี้เลยให้ความเห็นเอาใจนาย อย่ามาเป็นนิติกรเลย ถ้าไม่อยากให้ทัวร์ลงก็เขียนประกาศลงรายละเอียดให้มันชัดๆ ว่ากรณีไหนยกเว้น กรณีไหนดำเนินคดี เขียนมากว้างๆก็จับแบบกว้างๆ

อัยการเตือนแค่ใส่ใต้คาง-ไม่ปิดจมูกเข้าข่ายผิด

ขณะที่นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 โพสต์เฟซบุ๊ก โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ว่า ดึงหน้ากากไว้ใต้คาง ใส่หน้ากากปิดปากแต่ไม่ปิดจมูก ผิดกฎหมาย ปิดมิดชิดปากและจมูก ให้ถูกต้อง 

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เซ็นประกาศแล้วคนกทม.คนสงขลา และทุกจังหวัดที่ประกาศแล้ว ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่ออกจากบ้าน อย่างถูกต้องหรือถูกวิธี ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท มีผลตั้งแต่วันนี้เหมือนคำสั่งจังหวัดที่ให้สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เจตนารมณ์ ของกฎหมายที่รองรับคำสั่ง คือป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การสวมหน้ากากจึงต้องสวมให้ถูกต้องเพื่อป้องกันโรคระบาด ไม่ใช่เพื่อป้องกันถูกจับปรับไม่เกิน 20,000 บาทเท่านั้น หน้ากากจึงมีไว้เพื่อป้องกันตัวท่านเองไม่ให้ติดเชื้อโควิด ไม่ใช่มีไว้เพื่อป้องกันตำรวจจับ ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามถือว่ามีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2554 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

อยู่ในรถส่วนตัว-รถโดยสารสาธารณะก็ต้องใส่

นอกจากนี้นายโกศลวัฒน์ ระบุว่า คนที่ไม่อยากใส่ คนที่รู้สึกต่อต้าน ขอให้ไปอ่านข่าวกันบ้างว่าผู้ติดเชื้อ COVID-19 นำเชื้อกลับเข้าไปติดคนที่บ้าน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่นำเชื้อไปติดพ่อคุณแม่ที่สูงอายุ ท่านระมัดระวังไม่ออกนอกบ้าน มีวินัยป้องกันตนเองอย่างสูง แต่ลูกหลานเข้ามาหา นำเชื้อมาติดคนสูงอายุในบ้านหลายรายแล้ว เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ คงต้องมานั่งเสียใจแล้วคิดกันแบบเดิมๆว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา จึงไม่ควรประมาท ร่วมมือกันอย่างมีวินัยอย่างเคร่งครัด เราปลอดภัย ทุกคนที่ใกล้เราปลอดภัยด้วย จึงจะรอดไปด้วยกัน

อัยการขอให้ปฎิบัติตามประกาศ ในทุกจังหวัดโดยเคร่งครัด ออกจากบ้านใส่หน้ากากทันทีนั่งรถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถแท็กซี่ ก็ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา จังหวัดไหนที่ยังไม่ประกาศ ก็ใส่ได้ถ้าอยากจะรอดไปด้วยกัน แม้กฎหมายนี้จะดูเป็นการบังคับให้เราใส่หน้ากาก แต่ใส่แล้วก็ดีกับเราปลอดภัยกับเรา เรียกได้ว่าดีมากกว่าเสีย แล้วทำไมจะไม่ใส่หน้ากากกัน

 

ทั้งนี้นาย ประเสริฐ อธิบดีอัยการภาค 8 ได้ส่งบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ คำพิพากษาศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ซึ่งศาลท่านได้ระบุกฏหมายครบถ้วนทุกฉบับทุกมาตรา ให้ดูเป็นตัวอย่างแม้ศาลใช้ดุลพินิจปรับ 4,000 บาทรับสารภาพลดครึ่งเหลือ 2,000 บาท

แต่ในจังหวัดอื่นๆ ศาลท่านก็ใช้ดุลพินิจลงโทษตามความเหมาะสมในพฤติการณ์แห่งคดี หากมีพฤติการณ์ไม่ยอมใส่หน้ากากแบบท้าทายกฎหมาย ศาลอาจใช้ดุลพินิจลงโทษหนักกว่านี้ได้ อัตราโทษปรับอย่างสูงไม่เกิน 20,000 บาท ขอบคุณท่านประเสริฐ ที่ช่วยให้ความรู้ประชาชน ประชาชนจะได้ร่วมมือกันปฏิบัติอย่างถูกต้องไม่ให้เกิดประเด็นความขัดแย้งทางสังคม ในการปฎิบัติตามกฏหมาย 

 

ดึงหน้ากากไว้ใต้คาง ใส่หน้ากากปิดปากแต่ไม่ปิดจมูก ผิดกฎหมาย..!! ปิดมิดชิดปากและจมูก ให้ถูกต้อง..!! ...

โพสต์โดย โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2021

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สธ.แจงปมดราม่าเงินกู้ COVID-19 เพิ่งใช้จริง 5,859 ล้านบาท

ตายเพิ่ม 8 คนยอดป่วย 2,048 คน-ชงศบค.ยกระดับคุม 6 จว.สีแดง

ถึงไทยแล้ว "ฟาวิพิราเวียร์" 2 ล้านเม็ด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง