โฆษก ตร.ย้ำใช้ดุลพินิจจับปรับไม่ใส่หน้ากากออกจากบ้าน

อาชญากรรม
27 เม.ย. 64
13:44
154
Logo Thai PBS
โฆษก ตร.ย้ำใช้ดุลพินิจจับปรับไม่ใส่หน้ากากออกจากบ้าน
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมใช้ศูนย์รับเรื่อง 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุนในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ COVID-19 พร้อมย้ำตำรวจใช้ดุลพินิจในการจับปรับผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกนอกเคหสถาน

วันนี้ (27 เม.ย.2564) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีการจับดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหสถานว่า การปรับครั้งแรกต้องปรับขั้นต่ำ 6,000 บาท ไปจนถึงระดับสูงสุดเป็นเงิน 20,000 บาท แต่กฎหมายมีหลักเกณฑ์ยกเว้นว่าผู้ใดที่ให้ละเว้นไม่มีความผิด เช่น เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เป็นต้น

ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย หากผู้ถูกกระทำผิดไม่ยินยอมให้ปรับขั้นต่ำเป็นเงิน 6,000 บาทในชั้นพนักงานสอบสวน กฎหมายให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีส่งฟ้องศาล เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการปรับ

ร้องประชาชนคำนึงเจตนารมณ์ข้อบังคับ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนใช้วิจารณญาณในการดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืน แต่ขอให้ประชาชนคำนึงถึงเจตนารมณ์ในการออกข้อบังคับเพื่อระงับยับยั้งโรคระบาด เนื่องจากข้อประกาศของแต่ละจังหวัดมีเจตนาที่เขียนไว้ชัดเจนว่าเมื่อออกนอกเคหสถานให้สวมใส่หน้ากากฯ

จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาปฏิบัติตามข้อประกาศ เพราะเชื่อว่าคงไม่มีตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปสอดส่องผู้กระทำผิดได้อย่างทั่วถึง

ทบทวนจ่ายค่าปรับตามแนวทางเดียวกัน

และเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีการทบทวนเกี่ยวกับมาตรฐานเรื่องการจ่ายค่าปรับ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ เนื่องจากข้อบังคับนี้เป็นเรื่องใหม่ ยังไม่เคยนำมาใช้ก่อนในประเทศไทย

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเตรียมปรับใช้ สายด่วน 191 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสื่อกลางในการประสานรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อส่งต่อข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ป่วย COVID-19

หลังพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ไม่เพียงพอในการรับเรื่องจากประชาชนทั่วประเทศ

กำชับตรวจสอบกำลังพลเสี่ยงติดเชื้อโควิด

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกนโยบายให้ผู้บังคับบัญชาไปตรวจสอบกำลังพลทุกคนที่อยู่ในสังกัดว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่

โดยเฉพาะกำลังพลที่อยู่ในสังกัดโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งต้องรับหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยและรับผิดชอบพื้นที่โรงพยาบาลสนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้การสนับสนุนในเรื่องของสวัสดิการ เพื่อดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง