ศาลไม่ให้ประกันตัว 2 ผู้ชุมนุม คดีต่อสู้ขัดขวาง จนท.

อาชญากรรม
3 พ.ค. 64
19:27
705
Logo Thai PBS
ศาลไม่ให้ประกันตัว 2 ผู้ชุมนุม คดีต่อสู้ขัดขวาง จนท.
ศาลไม่ให้ประกันตัว 2 ผู้ชุมนุม คดีใช้กำลังต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหตุชุมนุมศาลอาญา เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64

วันนี้ ( 3 พ.ค.2564) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 3 พ.ค.64 พนักงานสอบสวน สน.พลพหลโยธิน ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 นายร่อซีกีน นิยมเดชา อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 และน.ส.หทัยรัตน์ แก้วสีคราม อายุ20 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 คดีร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปฯจากเหตุการณ์ชุมนุมหน้าศาลอาญาวันที่ 2 พ.ค.64

โดยเป็นการยื่นคำร้องฝากขังผ่านระบบ Video Conference ขอฝากขังครั้งแรก 12 วันตั้งเเต่วันที่ 3-14 พ.ค.64  เนื่องจากจะต้องสอบพยานจำนวน 6 ปาก และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ กับประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสองมาประกอบสำนวนการสอบสวนเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา ซึ่งท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ด้วยเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง

สำหรับพฤติการณ์กล่าวหาระบุว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 เวลาประมาณ 16.55 น. ได้มีกลุ่มมวลชนมารวมตัวกันประมาณ 300 คนเพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองที่บริเวณหน้าศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร ตามที่ได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ“ เยาวชนปลดแอก-Free YouTH” เชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งแม้ว่ามวลชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แต่ก็ไม่ได้มีการเว้นระยะที่ห่างกันเกิน 1 เมตร ตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่อ (COVID-19) แต่อย่างใด

การทำกิจกรรมดังกล่าวมีการรวมของกลุ่มบุคคลที่มีความแออัดเกิน 20 คนในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ (COVID-19) ตามความใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ประกอบ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการประกาศยุติการจัดกิจกรรมและให้มวลแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่ แต่ปรากฏว่าได้มีมวลชนบางส่วนยังคงรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหน้าศาลอาญา จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. ผกก.สน.พหลโยธิน ได้ประกาศแจ้งให้มวลชนดังกล่าวยุติกิจกรรมและแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่โดยหากยังไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการเข้าตรวจสอบ

ต่อมาได้มีมวลชนบางส่วนได้ข้ามถนนไปยังบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้าไปในพื้นที่การจัดกิจกรรมและดำเนินการขอคืนพื้นที่ แต่กลุ่มมวลชนที่รวมตัวกันบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุๆระเบิด (ระเบิดปิงปอง) เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเป็นเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากพลุหรือวัตถุระเบิดที่กลุ่มมวลชนปาใส่จำนวนหลายนาย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจึงได้นำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์จนกลุ่มมวลชนบริเวณดังกล่าวถอยร่นเข้าไปภายในซอยรัชดาภิเษก 32 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมชุดควบคุมฝูงชน บก.น.4 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจึงได้เข้าไปดูแลพื้นที่ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นสาขาซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อกับซอยรัชดาภิเษก 32 ปรากฏว่าเมื่อเดินทางไปถึงได้พบกับกลุ่มมวลชนที่รวมกลุ่มกันที่บริเวณดังกล่าวประมาณ 30 คน เมื่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิด อีกทั้งได้นำไม้เข้ามาทุบทำลายรถยนต์และรถตู้ที่นำกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้ามาในพื้นที่จนได้รับความเสียหาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพร้อมกับพวกได้ลงมาจากรถยนต์และสามารถตั้งรูปขบวนได้จึงได้เข้าทำการกดดันให้กลุ่มมวลชนถอยร่นไป แต่ปรากฏว่ากลุ่มมวลชนบางส่วนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อ้อมมาที่บริเวณด้านหลังของขบวนและได้เข้าทุบทำลายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตรวจอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งขบวนเข้ากดดันให้ล่าถอยและติดตามจับกุมอีกครั้งจนมาถึงบริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าวภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 39 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายร่อซีกีน ผู้ต้องหาที่ 1 และ น.ส.หทัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 2 (ทราบชื่อและนามสกุลภายหลังการจับกุม) อยู่ที่บริเวณดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจำได้ว่าบุคคลทั้ง 2 คนอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้ามาทุบทำลายและขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์และน่าเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับมวลชนที่รวมตัวกันที่บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ที่ได้ขว้างปาวัตถุระเบิดหรือพลุเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมสถานการณ์จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนายและอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมการจัดกิจกรรมบริเวณหน้าศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวนายร่อซีกีน ผู้ต้องหาที่ 1 และน.ส.หทัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งจากตรวจสอบพบว่า มีรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกลุ่มมวลชนขว้างปาสิ่งของและเข้าทุบทำลาย รวม 5 คัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ควบคุมตัวนายร่อซีกีน ผู้ต้องหาที่ 1 และน.ส.หทัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 2 มาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อจัดทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย และควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-2 ส่งพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธินดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 3 พ.ค.64 เวลาประมาณ 07.30 น. โดยแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐานร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานส่งให้ผู้มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป แต่ผู้กระทำไม่เลิก, ร่วมกันทำให้เสียหายทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย, ร่วมกันมั่วสุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดเกิน 20 คนในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 138 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, 140 วรรคหนึ่ง, 295 ประกอบมาตรา 289 (2), 215 วรรคหนึ่ง, มาตรา 216 และตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 22 ข้อ 3 ประกาศกรุงเทพมหานครเรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) ข้อ 2.5, มาตรา 18 และ พ .ร. บ. โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขัง

ต่อมา มี ส.ส.พรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่ง ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1-2 ซึ่งศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบข้อคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไป มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 จะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง

ขณะเดียวกัน ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับกุม เยาวชน 1 ราย ผู้ต้องหาที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่ม REDEM

ซึ่งศาลทำการไต่สวนตามที่พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ผู้ร้องขอแล้ว จึงมีคำสั่งว่าให้ออกหมายควบคุมผู้ต้องหาเว้นแต่มีประกัน ต่อมาผู้ปกครองเยาวชนดังกล่าวได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา

โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงระบาดของเชื้อ COVID-19 หากควบคุมผู้ต้องหาอาจได้รับการติดเชื้อ จึงเห็นสมควรปล่อยชั่วคราว แต่คดีนี้ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายข้อหา ดังนั้นเห็นควรเรียกหลักประกันเพื่อป้องกันมิให้หลบหนีด้วย จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยให้ทำสัญญาประกันและวางหลักประกันจำนวน 10,000 บาท แต่วันนี้ผู้ต้องหานำเงินมาเพียง 2,000 บาท จึงให้วางเป็นหลักประกันไว้ก่อนส่วนที่เหลือ (อีก 8,000 บาท) ให้นำมาวางต่อศาลอีกภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ (ไม่เกินวันที่ 17 พ.ค.) และให้นัดผู้ต้องหาเยาวชนรายนี้มารายงานตัวต่อศาลด้วยในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เวลา 08.30 น.

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง