วันนี้ (6 พ.ค.2564) หลังเกิดปรากฎการณ์ถามหาการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ทั้งที่หน่วยงานไทยระบุว่ายังไม่มีการนำเข้า ขณะที่ไฟเซอร์ยืนยันโควต้าวัคซีนมีเฉพาะต่อรัฐบาลแต่ละประเทศเท่านั้น
ล่าสุด "นิวยอร์กไทม์" ไม่ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่จะนำเข้าวัคซีน "ไฟเซอร์" แล้ว จากที่ก่อนหน้านั้นมีชื่อไทยนำเข้าวัคซีนชนิดนี้ด้วย จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
นิวยอร์กไทม์ ได้แก้ไขกราฟิกโดยนำสีเหลืองออกจากส่วนของประเทศไทย จากที่ก่อนหน้านั้นเว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ นำเสนอกราฟิกส่วนของการติดตามการกระจายวัคซีนโควิดทั่วโลก ในส่วนของวัคซีนไฟเซอร์ และโมเดอร์นา พบว่าไทยขึ้นเป็นสีเหลือง ซึ่งหมายถึงมีการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
ทำให้สังคมออนไลน์ ถามหาว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการนำเข้าวัคซีนดังกล่าวแล้วจริงหรือไม่ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าวัคซีนนำเข้ามาแล้ว แต่ประชาชนกลับไม่ได้ใช้
การอ้างอิงดังกล่าวมาจากเว็บไซต์ของนิวยอร์กไทม์ส ซึ่งรวบรวมข้อมูลการอนุมัติใช้งานวัคซีน COVID-19 แต่ละตัว ในแต่ละประเทศทั่วโลก ซึ่งจากรายละเอียดในเว็บไซต์นี้ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยอนุมัติให้มีการใช้งานวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาในกรณีฉุกเฉินแล้ว
แต่หากตรวจสอบย้อนไปถึงที่มาของข้อมูลที่ทางเว็บไซต์อ้างอิงจะพบว่านิวยอร์กไทม์ส ได้นำข้อมูลการอนุมัติวัคซีนของไทย มาจากข่าวของสำนักข่าวเอพี ที่รายงานไว้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยข่าวชิ้นดังกล่าวพูดถึงการที่ประเทศไทยจะเริ่มลดเวลากักตัว สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่ฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว
และวัคซีนดังกล่าวจะต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย และ/หรือ จากองค์การอนามัยโลกเท่านั้น รวมทั้งมีข้อความว่าไทยให้การรับรองวัคซีนไปแล้ว 7 ตัว
ข้อความตรงนี้เองที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อน เนื่องจากการรับรองวัคซีนดังกล่าวหมายถึงการรับรองวัคซีน 7 ตัว ที่เมื่อฉีดไปแล้ว เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะได้รับการลดระยะเวลาการกักตัวลง ไม่ได้หมายความว่า ไทยได้รับรองให้นำวัคซีนทั้งหมดเข้ามาในประเทศแล้ว
อย.และไฟเซอร์ ยืนยันไม่มีการนำเข้า
ขณะที่ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงยืนยันว่า ยังไม่มีการวัคซีน COVID-19 จากบริษัทไฟเซอร์เข้าประเทศไทย
ทางด้านฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน ว่ายังไม่มีการนำเข้าไทย
สำหรับโทษของการนำเข้าวัคซีนโดยไม่มีการขึ้นทะเบียนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย. ระบุว่า ขณะนี้มีวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 3 ราย คือ แอสตราเซนเนกา, โคโรนาแวค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ส่วนวัคซีนโมเดอร์นายังอยู่ในระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียน และยังมีอีก 2 ราย ที่อยู่ในระหว่างทยอยยื่นเอกสารคำขอขึ้นทะเบียนต่อเนื่อง คือ โคแวคซีน และสปุตนิก วี