คลังเคาะวันจ่าย "เราชนะ" งวดแรก 20 พ.ค.-"ม.33" เริ่ม 28 พ.ค.

เศรษฐกิจ
7 พ.ค. 64
17:11
24,164
Logo Thai PBS
คลังเคาะวันจ่าย "เราชนะ" งวดแรก 20 พ.ค.-"ม.33" เริ่ม 28 พ.ค.
ข่าวดี! กระทรวงการคลัง เคาะวันโอนจ่ายเงินเราชนะเพิ่ม 2,000 บาท โดยงวดแรกผ่านแอปฯเป๋าตัง 20 พ.ค.นี้ ส่วนม.33 เรารักกัน งวดแรก 24 พ.ค.นี้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โดยจะชงเสนอ ครม. 11 พ.ค.นี้

วันนี้ (7 พ.ค.2564) น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่าคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในสถานการณ์ COVID-19 เห็นชอบกำหนดเวลาการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้เข้าร่วมเราชนะ และโครงการ ม.33 เราโดยแบ่งการจ่ายเงินเป็น 2 งวดๆ ละ 1,000 บาท โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ในวันที่ 11 พ.ค.2564

ทั้งนี้โครงการเราชนะ จะโอนเงินให้ผู้ได้สิทธิ สำหรับกลุ่มที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรประชาชน รอบแรก 1,000 บาท วันที่ 21 พ.ค.นี้ ส่วนอีก 1,000 บาท วันที่ 28 พ.ค.นี้ สำหรับกลุ่มที่ใช้สิทธิ์ผ่านแอพลิเคชันเป๋าตัง จะได้รับเงินรอบแรกวันที่ 20 พ.ค. และงวดต่อไป 27 พ.ค.นี้

ส่วนโครงการ ม.33 เรารักกัน จะโอนเงินงวดแรก วันที่ 24 พ.ค.นี้ และ 31 พ.ค.นี้ ครอบคลุมในส่วนเราชนะ 33.5 ล้านคน และมาตรการ ม.33 เรารักกัน 9.27 ล้านคน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ระบบจะโอนเงินเข้าอัตโนมัติ โดยใช้จ่ายได้ถึง 30 มิ.ย.นี้

ส่วนโครงการ “คนละครึ่ง เฟส3” ยังคงเกณฑ์ใช้จ่ายเหมือนเดิม คนละ 3,000 บาท แต่จะแบ่งวงเงินใช้สิทธิเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงแรก ไตรมาส 2 คนละ 1,500 บาท และช่วง 2 ไตรมาส 4 อีก 1,500 บาท เนื่องจาก หากเร่งดำเนินมาตรการในช่วงนี้ ทันทีอาจซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน งดเชื้อ

ก่อนเปิดลงทะเบียนใหม่เพิ่มเติมอีก 16 ล้านสิทธิ์ ครอบคลุมประชากร 31 ล้านคน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยกรอบเวลาลงทะเบียน จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบแผนดำเนินมาตรการทั้งหมด

เบื้องต้น กระทรวงการคลัง วางกรอบให้ผู้เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ใช้จ่ายในช่วงเดือน ก.ค. - ธ.ค.2564 ซึ่งผู้มีสิทธิเดิม สามารถกดยืนยันสิทธิ์ หรือ ยกเลิกสิทธิ์ เพื่อไปเข้ามาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งจะได้รับอี-ว้อยเชอร์ จากยอดใช้จ่ายไม่เกินคนละ 7 พันบาท หรือ ต้องใช้จ่ายรวมไม่น้อยกว่า 60,000 บาท จึงจะได้รับสิทธิ์เต็มจำนวน

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวอีกว่า โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นโครงการสนับสนุนผู้มีกำลังซื้อ จับจ่ายมากขึ้น โดยรูปแบบมาตรการ คล้ายการจ่ายเงินคืน หรือ Cash back ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งผู้ใช้สิทธิโครงการนี้ ไม่สามารถใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง” และต้องเติมเงินเอง เพื่อสแกนใช้จ่าย ผ่านแอปพลิเคชันในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่จดทะเบียนเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ร้านค้าจด VAT

ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิ สามารถใช้จ่ายสินค้าและได้รับเงินคืนเข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สูงสุด 7,000 บาทต่อคน แต่จะได้รับยอดเงินคืนสูงสุด ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงใช้จ่าย ได้แก่ หากใช้จ่ายวันละ 10,000 - 40,000 บาทต่อวัน จะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 10% ของวงเงินใช้จ่าย และตั้งแต่ 40,001 - 60,000 บาท จะได้รับเงินคืน 15% ของวงเงินใช้จ่าย จึงเป็นที่มาของชื่อมาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้”ซึ่งกระทรวงการคลัง จะเริ่มโอนเงินคืน 1 เดือน หลังจากใช้จ่าย โดยวางกรอบการดำเนินโครงการ ในช่วงเดือน ก.ค. - ธ.ค.2564 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการ 4 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 2.68 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ หากการดำเนินมาตรการเป็นไปตามแผนการนี้ และสถานการณ์ระบาดคลี่คลายโดยไม่มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม คาดว่า มาตรการจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกลับไปขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 จากปัจจุบัน คาดว่าทั้งปีจะเติบโตที่ร้อยละ 2.3

สำหรับการดำเนินมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งนี้ ยังอยู่ในกรอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาททั้งหมดและยังคงอยู่ในกรอบวินัยความยั่งยืนทางการคลัง พร้อมย้ำว่า แม้กู้เงินจนเต็มกรอบ พ.ร.ก.ก็ไม่กระทบฐานะทางการคลังประเทศ อีกทั้ง ยังมีช่องว่างทางการคลัง เพียงพอที่จะขยายเพดานหนี้สาธารณะ แต่ไม่ได้หมายความว่า กระทรวงการคลังจะตัดสินใจกู้เพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากการดำเนินการใด ๆ ต้องพิจารณาตามสถานการณ์และความเหมาะสมอย่างรอบคอบ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดี! ครม.แจกเงินเยียวยาโควิด "เราชนะ-ม.33" ได้อีกคนละ 2 พัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง