วันนี้ (9 พ.ค.2564) หลังตัวแทนบริษัทซิลลิค ฟาร์มา ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เพื่อให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดหาวัคซีนโมเดอร์นา เพื่อจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชนซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทผู้ผลิตที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐของประเทศผู้ซื้อวัคซีนเเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและบริหารจัดการตามแนวทางของการได้รับทะเบียนแบบฉุกเฉินและเป็นแนวทางของผู้ผลิตทั่วโลก
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ระบุว่า ขณะนี้วัคซีนดังกล่าวอยู่ระหว่างการขออนุญาตขึ้นทะเบียนแบบฉุกเฉิน กับ อย. โดยองค์การเภสัชจะรวบรวมความต้องการวัคซีนนี้จากภาคเอกชนและยืนยันคำสั่งซื้อเพื่อแจ้งจำนวนความต้องการไปยังบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา เพื่อให้บริษัทเร่ง การนำเข้าวัคซีน
ด้าน ศ.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้กับประชาชนของโรงพยาบาลเอกชน มี 2 ส่วน คือส่วนแรก การร่วมจัดให้บริการฉีดวัคซีน COVID-19 ของภาครัฐ และส่วนที่ 2 การฉีดวัคซีนแบบมีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นวัคซีนคนละยี่ห้อกับที่ภาครัฐจัดสรรให้ประชาชน เช่น วัคซีนของโมเดอร์นา และวัคซีนอื่นที่จะนำเข้ามาในอนาคต โดยโรงพยาบาลเอกชนจะคิดราคาให้การบริการที่สมเหตุสมผล
แอสตราเซเนกาพร้อมส่งวัคซีนล็อตแรกในไทย
นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตัวอย่างวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตราเซนเนกา ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว และจะส่งมอบวัคซีนป้องกัน COVID-19 ชุดแรกให้แก่รัฐบาลไทยเร็ว ๆ นี้
โดยวัคซีนของแอสตราเซเนกา มีการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพวัคซีนในแต่ละรุ่นการผลิตรวมกันมากกว่า 60 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตไปจนถึงการฉีดวัคซีน และมีการประกันคุณภาพอย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน
นอกจากนี้ แอสตราเซเนกายังทำงานอย่างใกล้ชิด กับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในประเทศไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของวัคซีนให้ตรงตามมาตรฐาน และข้อกำหนดของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายส่งมอบวัคซีนที่มีมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยให้กับรัฐบาลไทยโดยเร็วที่สุด