วันนี้ (20 พ.ค.2564) หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีน ที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีแผนการกระจายวัคซีนใน 3 ช่องทางด้วยกัน ช่องทางที่หนึ่ง คือ ผ่านระบบ “หมอพร้อม” สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีลงทะเบียนในวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยจองคิวฉีดวัคซีนในสถานที่และวันเวลาที่สะดวกได้เอง หรือผ่านระบบอื่น ๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น จ.ภูเก็ตที่ใช้ระบบ “ภูเก็ตต้องชนะ”
ช่องทางที่ 2 คือช่องทางที่เพิ่มเติมจากระบบ “หมอพร้อม” เพื่อให้ประชาชนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้นและโดยเร็วที่สุด ด้วยการลงทะเบียนผ่านจุดบริการฉีดวัคซีน หรือ On-site registration ในกรณีที่มีวัคซีนอย่างเพียงพอ โดยจะมีการเตรียมความพร้อมการจัดสรรวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนในวันที่ต้องการ
ส่วนช่องทางที่ 3 คือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ โดยการจัดสรรการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นเป็นพิเศษ หรือกลุ่มที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน
ล่าสุด เพจไทยคู่ฟ้า ได้เผยแพร่ข้อความอธิบายการปรับ Walk in เป็นลงทะเบียน On-site โดยระบุว่า การลงทะเบียนฉีดวัคซีน ณ จุดบริการ หรือ On-site Registration เป็น 1 ใน 3 ช่องทางการกระจายวัคซีนให้เข้าถึงและครอบคลุมประชาชนมากที่สุด โดยช่องทางนี้ปรับจากการเรียกว่า วอล์กอิน (Walk in) เนื่องจากหากใช้คำว่าวอล์กอินแล้ว อาจเกิดความเข้าใจผิดว่าทุกคนที่เดินทางไปจะได้ฉีดในวันนั้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาได้ ขณะที่การแพร่ระบาดและความรุนแรงนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม จึงจำเป็นต้องปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์
การลงทะเบียนณ จุดบริการ จะมีระบบรองรับและแจ้งประชาชนเมื่อเดินทางไปลงทะเบียนว่า มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการในวันนั้นหรือไม่ หากพร้อมฉีดแต่วัคซีนไม่พอในวันนั้นก็สามารถทำการลงทะเบียนเพื่อนัดฉีดในวันอื่นได้ โดยไม่ต้องเสียเวลามารอฉีดอีกในวันต่อไป แต่สามารถมาฉีดตามที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งช่องทางนี้เป็นการบริการเสริม ส่วนบริการหลักยังเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม
สำหรับในพื้นที่ กทม.จะกระจายจุดบริการวัคซีนทั้งในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงาน 231 แห่ง สถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลอีก 25 แห่ง โดยเตรียมความพร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางมาสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ได้เปิดทดลองระบบแล้ว 4 แห่ง คือ 1.เซ็นทรัล ลาดพร้าว 2.สามย่านมิตรทาวน์ 3.เดอะมอลล์ บางกะปิ และ 4.บิ๊กซี บางบอน
อย่างไรก็ตาม หากในแต่ละจุดบริการมีวัคซีนเพียงพอในแต่ละวัน และมีวัคซีนสำรองเนื่องจากมีคนที่นัดแล้วแต่ไม่ได้มาฉีดตามนัด รัฐบาลก็มีแผนเปิดการฉีดวัคซีนแบบวอล์กอินได้
จองฉีดวัคซีนผ่านหมอพร้อมแล้วกว่า 7.4 ล้านคน
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก หมอพร้อม รายงานจำนวนจองคิวฉีดวัคซีน COVID-19 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง สะสมรวมถึงเวลา 08.00 น. 7,405,567 คน โดยแบ่งเป็นจำนวนจองในกรุงเทพมหานคร 810,331 คน จำนวนการจองคิวฉีดวัคซีนต่างจังหวัด 6,595,236 คน จากจำนวนกลุ่มเป้าหมายรวม 16 ล้านคน
นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำขั้นตอนลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิดแบบกลุ่ม สำหรับองค์กรเอกชนและหน่วยงานของรัฐ มีขั้นตอนคือ นัดหมายในรูปแบบองค์กรหรือหน่วยงาน หรืออื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนประสานโรงพยาบาลที่รองรับการฉีดวัคซีน
องค์กรในกรุงเทพฯ ให้ติดต่อคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัดติดต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรในหลายจังหวัด หน่วยงานต่างชาติ องค์กรระหว่างประเทศ ให้ติดต่อกรมควบคุมโรค ซึ่งการนัดฉีดแบบกล่ม ทางหน่วยบริการจะบันทุกข้อมูลเข้าระบบ และปรากฎข้อมูลในหมอพร้อมเช่นกันกับการจองคิวฉีดด้วยตัวเอผ่านหมอพร้อม
ขณะที่ในเดือน มิ.ย.นี้ จะมีวัคซีนแอสตราเซเนกาเข้าระบบล็อตใหญ่ ทำให้นายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เน้นย้ำเรื่องการสำรวจความต้องการของประชาชน ทำแผนเสนอจำนวนวัคซีน และแผนการกระจายวัคซีน และให้เร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ได้ตามตามเป้าหมายคือร้อยละ 70 ของประชากร ภายในเดือน ก.ย.2564 โดยไม่ต้องสำรองสำหรับเข็ม 2 เนื่องจากจะมีวัคซีนทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ และให้ฉีดให้ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมให้ครบ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. - ก.ค.2564