วันนี้ (22 พ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 โรงงานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ "แคลคอมพ์" จ.เพชรบุรี ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อสะสม 1,690 คน ซึ่งมาจากการตรวจในกลุ่มพนักงานโรงงานและกลุ่มเสี่ยง 4,740 คน และยังรอผลการตรวจหาเชื้ออีก 2,000 คน
แม้ว่าโรงงานจะประกาศปิด 14 วัน และจ่ายค่าจ้างพนักงานตามปกติ พร้อมปรับพื้นที่อาคารโรงงานเป็นสถานที่กักตัวและโรงพยาบาลสนามสำหรับกลุ่มคนงานโดยเฉพาะ แต่บริบทโรงงานขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งงานของคนในอำเภออื่น ๆ ใน จ.เพชรบุรี รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอื่นก็ยังคงสร้างความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการกระจายเชื้อเป็นวงกว้าง โดยเจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าตรวจเชิงรุกในชุมชน อ.เขาย้อย และตรวจหาเชื้อในกลุ่มแรงงานโรงงานแคลคอมพ์ที่กักตัวในที่พักนอกโรงงานกว่า 200 คน
ขณะที่บรรยากาศหลังแนวกำแพงโรงงานแคลคอมพ์ ที่ทอดยาวกินพื้นที่ชุมชนทั้งใน ต.สระพัง และ ต.บางเค็ม ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 6,000 คน ตามแนวถนน บ้านเรือน และร้านค้าปิดเงียบเกือบทั้งหมด หลังคนในชุมชนถูกจำกัดการเคลื่อนย้าย และออกจากที่อยู่อาศัยได้เท่าที่จำเป็น ตามมาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพชรบุรีกำหนด ท่ามกลางการตั้งจุดตรวจหาเชื้อกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงเป็นวันที่ 2 ที่ยังพบปัญหาความล่าช้า จากการหมุนเวียนทรัพยากร และกำลังคนในการตรวจ
แม้โรงงานที่เป็นต้นตอคลัสเตอร์ระบาดใน อ.เขาต้อง ปิดชั่วคราวไปแล้ว แต่ภายนอกคือ แหล่งอาชีพอิสระของคนในท้องถิ่นที่รับจ้าง ค้าขายและมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ คนในโรงงานที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติก็หายไปด้วย ชาวชุมชนยอมรับว่า ความอยู่รอดของปากท้องและโรคภัยขณะนี้เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ระแวง กังวลไปหมด หนี้สิน รายจ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน งวดรด ค่าเช่าที่ ค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ต้องส่งให้แม่ที่ต่างจังหวัดอีก กลัวมันติดยาว
ชาวชุมชนสะท้อนว่าบทเรียนจากการระบาดระลอก 2 ที่สมุทรสาคร ทำให้คนในพื้นที่ตื่นตัวต่อสถานการณ์ระบาดเป็นทุนเดิม และผลกระทบจากระบาดรอบนี้จะไม่บานปลาย หากรัฐและเอกชนควบคุมโรค และปิดโรงงานเร็วกว่านี้
เราไม่โทษใครแล้วตอนนี้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือเราต้องช่วยกันให้มันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ รถพยาบาลมันไม่สามารถเข้าไปรับผู้ป่วยในที่พักได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ที่เราทำได้ คือ การคัดแยกเบื้องต้น ใครเป็น ใครติดเร่งให้ความรู้และข้อปฏิบัติก่อน