"สาธิต" ยืนยันไม่ให้รพ.เลื่อนฉีดวัคซีน ห่วง "ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคกลุ่มเสี่ยง"

การเมือง
8 มิ.ย. 64
16:00
1,376
Logo Thai PBS
"สาธิต" ยืนยันไม่ให้รพ.เลื่อนฉีดวัคซีน  ห่วง "ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคกลุ่มเสี่ยง"
รมช.สธ.ระบุไม่อยากให้โรงพยาบาลเลื่อนฉีดวัคซีน ห่วงผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคกลุ่มเสี่ยง เหตุเดินทางลำบาก คาด 2 สัปดาห์หน้าวัคซีนเข้าอีก 2.8 ล้านโดส สถานการณ์การจัดสรรวัคซีนคลี่คลายขึ้น

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สาธารณสุข) กล่าวถึงการฉีดวัคซีน COVID - 19 วันแรก ในรายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส ถึงสาเหตุที่กระทรวงสาธารณสุขยังคงยืนยันไม่ให้โรงพยาบาลเลื่อนนัดฉีดวัคซีนหลังจากมีหลายโรงพยาบาลประกาศเลื่อนการฉีดออกไป

นายสาธิต กล่าวว่า รัฐบาลพยายามปกป้องคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยใน 7 กลุ่มโรคเสี่ยง เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ลดทรัพยากรในการดูแลคนป่วย ลดการทำงานของบุคลากร

ทั้งนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่ทางแพทย์แนะนำคือ หากวัคซีนทยอยมาจะต้องฉีดให้ 2 กลุ่มนี้ก่อนจึงต้องพยายามทำอย่างไรก็ได้ ให้คน 2 กลุ่มนี้ได้รับการฉีดมากที่สุด ซึ่งเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย) ฉีดได้ก็เกือบ 100% ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สามารถดำเนินการให้กับคน 2 กลุ่มนี้อย่างเต็มที่

รมช.สาธารณสุข ยังระบุว่า ต้องชี้แจงว่า จำนวนวัคซีนที่ได้รับมาจากบริษัท จำนวน 1.8 ล้านโดส และได้จัดสรรไปตามจังหวัดต่างๆ ตามเกณฑ์ของ ศบค.คือ จัดสรรตามจำนวนประชากร พื้นที่ระบาด และพื้นที่พิเศษทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวยืนยันว่า ในช่วงการฉีด 2-3 วันแรก จะไม่มีปัญหา คาดว่า จังหวัดส่วนใหญ่ หรือ 80% สามารถฉีดวัคซีนได้ต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์

ส่วนอีก 20 % ที่พบปัญหาว่า ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอกับการลงทะเบียนในช่วง 3 วันแรก เนื่องจากจังหวัดเหล่านี้มีการลงทะเบียนมาเยอะ กระทรวงฯก็จะดำเนินแก้ไขในส่วนนี้เท่าที่ทำได้ ตามสภาพที่ได้รับวัคซีนมา

นายสาธิต กล่าวเพิ่มเติมว่า เข้าใจหน้างาน แต่ยืนยันว่าเป็นนโยบายชัดโดยทุกโรงพยาบาลในทุกจังหวัดมีวัคซีนในมือแล้ว แต่อาจจะมีน้อยหรือมากแตกต่างกัน เข้าใจว่ามีโรงพยาบาลที่ได้รับจัดสรรน้อยแต่อย่าเพิ่งเลื่อน เพราะที่ผ่านมาก็พยายามให้ประชาชนฝ่าฟันอุปสรรคในการลงทะเบียนและยังเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ให้ความสำคัญ

ไม่ใช่ความผิดของโรงพยาบาล ทางกระทรวงฯก็พยายามใช้วิธีบริหารจัดการภายใน ด้วยการหยิบยืมระหว่างโรงพยาบาลในเขตสุขภาพเดียวกัน ซึ่งต้องเห็นใจว่า ในระดับนโยบายก็ไม่ต้องการให้คนทั้ง 2 กลุ่มนี้ผิดหวัง เพราะมีความยากลำบากทั้งในเรื่องการลงทะเบียนและการเดินทาง จึงจำเป็นต้องปกป้องคนกลุ่มนี้

ถ้ามีวัคซีนเต็มที่ก็คงจัดสรรได้ แต่ต้องทำความเข้าใจทั่วโลกมีความต้องการวัคซีนสูงมาก ขณะที่บริษัทก็ยังผลิตวัคซีนไม่ได้ตามจำนวน เมื่อมีข้อจำกัดแบบนี้ทำให้บริษัทผู้ผลิตไม่สามารถบอกได้แน่นอนว่า จะส่งมอบวัคซีนได้แน่นอนเมื่อไหร่ บริษัทบอกได้เพียงเป็นกรอบเวลากว้าง ๆ เท่านั้น

ส่วนที่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีประเด็นการเมืองหรือไม่นั้น นายสาธิตกล่าวว่า ถ้าเป็นการเมืองที่มีประโยชน์ต่อประชาชนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นการไปแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเองก็รับไม่ได้

สมมติว่าพิจารณาให้กรุงเทพฯเยอะกว่า ทั้งที่ไม่มีการระบาด ก็ไม่ได้ ดังนั้น การใช้แอสตราเซเนกาในพื้นที่ระบาดหนัก จึงพอฟังได้ ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องของเหตุผล ซึ่งขณะนี้ยังพอมีเหตุผลที่รับได้และก็ไม่ต้องการให้วัคซีนเป็นของใคร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวัคซีนมาตามกำหนดโดยเร่งเจรจาแอสตราเซเนกาให้ได้ครบ 6.3 ล้านโดส นายสาธิตกล่าวว่า ถ้าสัปดาห์หน้าได้วัคซีนแอสตราเซเนกามาอีก 8 แสนโดส ตามที่คาดการณ์ไว้ก็จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ และในสัปดาห์ถัดไปที่จะได้แอสตราเซเนกาอีก 2 ล้านโดสก็จะยิ่งช่วยให้สถานการณ์ยิ่งคลี่คลายมากขึ้น

ถ้ามีกรณีที่ผู้ผลิตไม่สามารถส่งให้ตามจำนวนที่บอกไว้ ก็อาจจะเป็นปัญหา ซึ่งรัฐบาลก็ต้องพยายามแก้ไข แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งกระจายวัคซีนให้ประชาชนไทยอย่างรวดเร็วและทั่วถึงที่สุดเพื่อจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และต้องมีความเป็นธรรมตามหลักวิชาการทางการแพทย์ด้วย

ส่วนที่จะต้องหาวัคซีนแอสตราเซเนกาเพิ่มอีกกว่า 1 ล้านโดสเพื่อให้ครบตามจำนวนวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ได้รับในเดือน มิ.ย.จำนวน 6.3 ล้านโดส ซึ่งตัวเลขที่มีการยืนยันมาก่อนหน้านี้ยังมีอยู่แค่ 5 ล้านกว่าโดสเท่านั้น

นายสาธิตกล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามเต็มที่เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งหากมีการเจรจาก็จะเป็นการเจรจากับบริษัทแอสตราเซเนกาโดยตรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง