นายกฯ สั่งรื้อเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อภาคครัวเรือน

สถานการณ์ระบาด COVID-19 ระลอก 3 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนและสภาพคล่องครัวเรือนรวมถึงภาวะหนี้ครัวเรือนไทย ที่สูงถึงร้อยละ 89.3 ของจีดีพี

พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลหลายรายการ ตั้งแต่ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด จำนำทะเบียนรถ สินเชื่อเช่าซื้อรถ สินเชื่อสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์

ตลอดจน หนี้สินเฉพาะกลุ่ม ทั้งลูกหนี้ กยศ.  นี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา และ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณภาระหนี้สินส่วนบุคคล พร้อมขีดเส้นให้เห็นมาตรการระยะสั้นที่ชัดเจน ภายใน 6 เดือน

นอกจากนี้ ครม.ยังมีแนวคิดจัดตั้งหน่วยงานใหม่ เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ และศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงินเพื่อชะลอการฟ้องกรณีเจ้าหนี้หลายราย เนื่องจากผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank ) บางส่วน ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และกระทรวงการคลัง ซึ่งมักเป็นช่องว่างในการกำกับดูแล ทำให้กำหนดค่าธรรมเนียมอัตราสูง สร้างภาระการชำระหนี้ของประชาชน

ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดมาตรการแก้หนี้สินของประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งระยะสั้นและระยะยาว คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ โดยมีเป้าหมาย ลดความเหลื่อมล้ำหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อภายใต้มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ยังติดขัด และยังไม่สามารถช่วยภาคธุรกิจได้มากเท่าที่ควร ซึ่งเบื้องต้นได้เจรจาให้สภาหอการค้าไทยเป็นตัวกลางเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อรับรองกิจการสมาชิก หรือ ผ่อนปรนเงื่อนไขต่าง ๆ