วันนี้ (17 มิ.ย.2564) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน แถลงสถานการณ์การฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในประเทศไทย โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 ฉีดสะสม 7,003,783 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 5,114,755 คน และเข็มที่ 2 จำนวน 1,889,028 คน
สำหรับวัคซีนซิโนแวค ฉีดสะสมเข็มที่ 1 จำนวน 3,214,385 โดส พบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ที่รับรักษาเป็นผู้ป่วยใน 993 คน หรือคิดเป็นอัตรา 20 คน ต่อการฉีดแสนโดส
อาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยใน
- เวียนศีรษะ 20%
- คลื่นไส้ 15%
- ปวดศีรษะ 12%
- อาเจียน 8%
- ผื่น 7%
- ปวดกล้ามเนื้อ 6%
- ท้องเสีย 5%
- คัน 4%
ขณะที่วัคซีนแอสตราเซเนกา ฉีดสะสมทั้งเข็ม 1 และเข็ม 2 พบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ที่รับรักษาเป็นผู้ป่วยใน 472 คน หรือคิดเป็น 24 คนต่อการฉีดแสนโดส
อาการที่พบบ่อยของผู้ป่วยใน
- ไข้ 31%
- ปวดศีรษะ 27%
- เวียนศีรษะ 21%
- คลื่นไส้ 21%
- อาเจียน 20%
- ปวดกล้ามเนื้อ 15%
- อ่อนเพลีย 13%
- ถ่ายเหลว 7%
ตัวเลขที่ผมรายงานวันนี้เป็นตัวเลขเฉพาะผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ที่มากจนต้องนอนในโรงพยาบาล ส่วนผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ไม่รุนแรง รับประทานยาแล้วหายเองที่บ้านจะไม่มารวมในนี้
นพ.เฉวตสรร ยังระบุอีกว่า คณะผู้เชี่ยวชาญกรณีเสียชีวิตภายหลังการได้รับวัคซีน COVID-19 ข้อมูลวันที่ 15 มิ.ย.2564 ได้พิจารณาจากรายงานผู้เสียชีวิต 68 คน โดยได้รับการพิจารณาและมีผลสรุปแล้ว 13 คน "โดยทั้ง 13 คน ไม่มีคนใดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนหรือตัววัคซีน ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ร่วมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน" และยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหรือรอผลการผ่าชันสูตรพลิกศพอีก 55 คน ซึ่งจะมารายงานในสัปดาห์ต่อไป
สำหรับผู้เสียชีวิต จำนวน 13 คน ได้แก่ เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8 คน ภาวะ Immune Thrombotic thrombocytopenic purpura 1 คน ลิ่มเลือดอุดตันในปอด 1 คน purulent meningitis 1 คน เลือดออกในช่องท้องจาก Intra abdominal aneurysm 1 คน Rupture aneurysm ในสมอง 1 คน
ทั้งนี้ การเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีนมีในทุกประเทศ ยกตัวอย่างที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประชากรประมาณ 328 ล้านคน ขณะนี้ฉีดวัคซีนแล้ว 312 ล้านโดส มีรายงานการเสียชีวิตหลังการได้รับวัคซีน ช่วงวันที่ 14 ธ.ค.2564 - 3 พ.ค.2564 (ฉีดวัคซีน 259 ล้านโดส) จำนวนเสียชีวิต 4,173 คน โดยคณะผู้เชียวชาญ สรุปว่า ไม่มีสาเหตุจากวัคซีน COVID-19 แต่อย่างใด
กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชน หากมีข้อมูลใดที่ต้องพิสูจน์ทราบเพื่อให้เกิดความชัดเจนจะดำเนินการอย่างถึงที่สุด ขณะนี้วัคซีนยังมีความปลอดภัยและยังฉีดต่อไปทั้งในไทยและทั่วโลก