วันนี้ (25 มิ.ย.2564) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการลงมติของรัฐสภาในร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคพลังประชารัฐที่ถูกตีตกไปว่า น้อมรับทุกคำติติงที่ ส.ว.ให้ข้อสังเกตไว้ ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยจะมีร่างใดรางหนึ่งผ่านความเห็นชอบในวาระรับหลักการ และเป็นร่างของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่าน ซึ่งมีเนื้อหาเรื่องระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน คล้ายกับที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไว้ด้วยในร่างแรก
นายวิรัช ยอมรับว่า เห็นใจนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เจ้าของร่างฯ และในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้หารือกับวิปเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) ว่าร่างฯ ที่ 13 จะมีการหารือร่วมกันในวันอังคารที่ 29 มิ.ย.นี้ จะเป็นการประชุมกรรมาธิการนัดแรก คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในขั้นแปรญัตติไม่นาน และเชื่อว่าจะเดินหน้าไปได้
นายวิรัช กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นการเสียหน้าที่ร่างฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แม้แต่คนเดียว แต่ดูในภาพรวมการโหวตมีหลายร่างที่ได้คะแนนกว่า 400 คะแนน แม้ร่างของพรรคไม่ผ่านตอนนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อ
ส่วนการแก้ไขมาตรา 144 และ มาตรา 185 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ และการที่ ส.ส.ของพรรคให้ความเห็นชอบร่างฯ ที่ตัดอำนาจ ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี อาจเป็นปฏิกิริยาโต้กลับอย่างหนึ่ง ซึ่งบีบบังคับ ส.ส.ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ไม่ต้องการฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะหากพูดเยอะอาจทำให้เกิดความบาดหมางกัน แต่ต้องเดินหน้าสมานท์ฉันท์ดูแลไม่ให้เกิดรอยร้าวทั้ง 2 สภา
เมื่อถามว่าร่างฯ ที่ถูกตีตกไปนั้น จะส่งผลต่อร่างฯ ของภาคประชาชนหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาพิจารณาบรรจุ และในฐานะสมาชิกรัฐสภาก็พร้อมพิจารณา
นายวิรัช ยืนยันว่า จะไม่รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯ เพราะมีหลายภารกิจ แต่จะเข้าไปให้คำแนะนำในฐานะกรรมาธิการในชั้นนี้ ในเรื่องการแก้ไขบัตร 2 ใบ และการเลือกตั้ง 400 เขต
ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐจะเสนอนายไพบูลย์ เป็นประธานกรรมาธิการ เนื่องจากมีประสบการณ์และมีความเหมาะสมรอบคอบ คาดว่าจะพิจารณาในชั้นกรรมาธิการไม่นาน และไม่เกิน 1 เดือนก็จะกลับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 2