วันนี้ (1 ก.ค.2564) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์วันแรกว่า ที่ประชุมเตรียมความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศเป็นแห่งแรก ซึ่งมีมาตรการดูแลผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เช่น การยื่นเอกสารต่างๆ อย่างครบถ้วน เช่น การรับวัคซีน 2 เข็ม ถ้าไม่ครบกระทรวงการต่างประเทศจะไม่ออก COE ให้เรียกว่าต้องจัดการตั้งแต่เดินทางบนเครื่องบิน การตรวจในด่านต่างๆ ต้องเข้มข้น
ทั้งนี้เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วและการต้องอนุญาตให้ติดตามผ่านแอปพลิชัน 14 วันในช่วงที่เข้ามาในพื้นที่ ไม่ให้เดินทางออกนอกเกาะภูเก็ต และการเข้าพักในโรงแรมต้องเดินทางด้วยรถของโรงแรม และที่พักต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งในระหว่างการที่นักท่องเที่ยวมาถึงจะถูกสวอปตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึง การตรวจซ้ำช่วงวันที่ 6-7 ของการอยู่ในพื้นที่ และวันที่ 12-13 จะต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ศบค.ชุดเล็กมีการหารือมาตรการภูเก็ตแซนด์บ็อก ซึ่งทางภูเก็ตมีการซักซ้อมแผนจัดการกรณีการพบผู้ติดเชื้อ การพบการระบาดตั้งแต่ในสนามบิน ในพื้นที่ และการดำเนินการภาคสาธารณสุข และโรงพยาบาลในพื้นที่ การเฝ้าระวังควบคุมโรค สถานที่และมาตรการส่วนบุคคลมีแผนเผชิญเหตุ ถ้าพบการระบาดกลุ่มก้อน เช่น หากพบผู้ติดเชื้อมีการติดเชื้อ 15 คนต่อประชากรแสนคนใน 1 สัปดาห์
หมายความว่าถ้า จ.ภูเก็ต มีประชากร 547,000 คน และถ้าติดเชื้อ 75 คน ใน 1 สัปดาห์ จะมีการทบทวน มีการชะลอ หรือยกเลิกโครงการ
อ่านข่าวเพิ่ม นายกฯ ชี้ไทยต้องพร้อมเสี่ยงเดินหน้า ดัน "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ให้สำเร็จ
ชี้เปิด 120 วันไม่ใช่นายกฯตัดสินใจคนเดียว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การทำนโยบายแต่ละคร้ั้งไม่ได้ตัดสินใจอย่างง่ายดาย เพราะจะมีความเห็นต่าง ที่มีคนห่วงว่าอาจะจะยังไม่มีความพร้อม ขอมั่นใจว่าทุกมาตรการจะต้องมีการกำกับติดตามอย่างเข้มงวด หากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดำเนินการได้อย่างครบถ้วน ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างแข่งขัน จะใช้เป็นโครงการนำร่องในการดำเนินการในหลายจังหวัด ที่ตอนนี้มีการเสนอมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกาะสมุยโมเดลในอีก 15 วัน
ซึ่งหลายพื้นที่ยังเตรียมเปิดไม่ว่าจะเป็น กระบี่ พังงา เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ บุรีรัมย์ โดยจังหวัดที่จะเปิดได้ ต้องอยู่ในวิสัยที่สามารถควบคุมโรคได้ ประชาชนในจังหวัดได้รับวัคซีนเพียงพออย่างน้อย 70%
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วันนั้น ไม่ใช่การตัดสินใจของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มีการหารือกับคณะกรรมการ คณะทำงาน อาจารย์ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.ระบุว่า ในระหว่างนี้จะกำกับมาตรการขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆ อย่างเข้มงวด หากระหว่างนี้มีการพิจารณาจากคณะปรึกษาว่ายังไม่พร้อมก็จะมีการปรับเปลี่ยนแผนได้ โดยแผนดังกล่าวสามารถยืดหยุ่นได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีแผน
ความเสี่ยงจะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ และที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเปิดประเทศใน 120 วัน แผนจำเป็นต้องมี และมีเป้าหมาย มีทิศทางและการประกาศเดินหน้า 120 วันไม่ใช่การประกาศของคนใดคนหนึ่ง
เปิดแผนทบทวนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ระหว่างนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนก็จะต้องมาสำรวจตัวเองว่ามีความพร้อมหรือไม่ หากยังไม่พร้อมก็ต้องกลับมาทบทวนว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ซึ่งมีการกำหนดเกณฑ์การพิจารณาร่วมกันหลายกรณี ได้แก่ กรณีที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ มากกว่า 15 คนต่อแสนประชากรต่อสัปดาห์
นอกจากนี้พบการกระจายโรคตามลักษณะทางระบาดวิทยา เช่น มีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ (คลัสเตอร์ละ 5 คนขึ้นไป) หรือมีการระบาดในวงกว้างหรือหาความเชื่อมโยงไม่ได้
รวมทั้งประเด็นความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย มีผู้ติดเชื้อครองเตียงตั้งแต่ร้อยละ 80 ของศักยภาพจังหวัดขึ้น และพบการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์แบบวงกว้าง ควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ให้เป็นการพิจารณาโดยคณะกรรมการติดต่อจังหวัดในการทำเกณฑ์การชะลอหรือยกเลิกโครงการ และการจัดทำแผนรองรับและแผนเผชิญเหตุ
ทั้งนี้ มาตรการปรับเปลี่ยนเป็น 4 ระดับ ดังนี้ 1.ปรับลดกิจกรรม 2.Sealed route 3.Hotel Quarantine และ 4.ทบทวนยุติการรับนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีการการเสริมศักยภาพทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีความพร้อมทุกด้าน ดังนี้ เตียงรับผู้ป่วยวิกฤต สีแดง มีจำนวน 89 เตียง ในจ.ภูเก็ต มี 26 เตียง ใช้ไป 9 เตียง 2. เตียงรับผู้ป่วยอาการปานกลาง สีเหลือง มีจำนวน 2,092 เตียง ใน จ.ภูเก็ต มี 195 เตียง ใช้ไป 27 เตียง 3.เตียงรับผู้ป่วยอาการน้อย สีเขียว มีจำนวน 2,058 เตียง จ.ภูเก็ต มี 435 เตียง ใช้ไป 15 เตียง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.ระบุ คนพื้นที่เสี่ยงแห่กลับบ้าน ทำโควิดระบาด 32 จังหวัด