“วราวุธ” ระบุ รง.ตั้งก่อนมีอีไอเอ คพ.เร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-น้ำ

สังคม
6 ก.ค. 64
11:13
327
Logo Thai PBS
“วราวุธ” ระบุ รง.ตั้งก่อนมีอีไอเอ คพ.เร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-น้ำ
“วราวุธ” สั่งกรมควบคุมมลพิษเร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-สารปนเปื้อนในท่อระบายน้ำรอบจุดเกิดเหตุ ระบุนายกฯ ไม่ลงพื้นที่ เพราะเกรงอุปสรรคการทำงานของ จนท. แต่สั่งงานจากศูนย์บัญชาการมีประสิทธิภาพมากกว่า

วันนี้ (6 ก.ค.2564) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ว่า ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กำลังดำเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศในรัศมี 3-5 กิโลเมตร โดยได้ส่งรถโมบายเคลื่อนที่ลงไปตรวจวัดและติดตั้งสถานีย่อยในรัศมีดังกล่าว

เบื้องต้นพบว่า คุณภาพอากาศในรัศมี 1 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไม่ถึงชีวิต ขณะที่ในระยะ 5 กิโลเมตร ถือว่ายังเป็นระยะที่ปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปลอดภัยถึงขั้นให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัย

ทั้งนี้ ยังต้องตรวจสอบเรื่องสารเคมีตกค้าง และสารที่ไหลออกมาจากโรงงาน ซึ่งมากับน้ำที่ฉีดเลี้ยงไฟไม่ให้ปะทุ ซึ่งอาจมีสารเคมีปนเปื้อนออกมาได้ คาดว่าภายในวันนี้ ( 6 ก.ค.) จะได้ข้อสรุป ขอประชาชนอย่าเพิ่งใจร้อน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานทุกฝ่าย

 

ขณะนี้ คพ.กำลังระดมเข้าไปตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำที่อยู่ตามท่อระบายน้ำ เพื่อให้ทราบว่ามีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการโดยรอบที่เกิดเหตุ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าโรงงานดังกล่าวได้ทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า โรงงานดังกล่าวตั้งมา 30 กว่าปีแล้ว ขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายอีไอเอ แต่ไม่แน่ใจว่าหลังมีกฎหมายแล้วได้มีการทำอีไอเอเพิ่มเติมหรือไม่ จึงขอไปหาข้อมูล ประกอบกับไปดูกฎหมายผังเมือง โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทยก่อน ซึ่งทราบมาว่าพื้นที่ที่ตั้งของโรงงานอยู่ในพื้นที่สีแดง ที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อการพาณิชย์

หลายคนสงสัยว่าทำไมโรงงานไปตั้งในชุมชน จึงต้องมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์หรือโซนที่อยู่อาศัย เพราะการที่มีโรงงานกับบ้านพักติดกันเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ โรงงานตั้งก่อนชุมชน หรือที่ชุมชนกระจายไปจนติดโรงงาน คงต้องดูผังเมือง

เมื่อถามว่า โซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า นายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และคนในรัฐบาล ไม่ลงไปดูในพื้นที่ นายวราวุธกล่าวว่า นายกฯ และรองนายกฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

"ต้องเรียนตรงๆ ว่า หากนายกฯ หรือรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานลงไปในพื้นที่แล้ว โดยธรรมชาติคนไทย เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องมาต้อนรับ โดยนายกฯ ทราบดีว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ยิ่งจะทำให้วุ่นวายไปอีก จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ไป เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ ณ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร"

 

นายวราวุธ ยังแสดงความเห็นว่า การที่นายกฯ ไม่ไปพื้นที่เกิดเหตุนั้นถูกต้องแล้ว เพราะการบัญชาการที่ศูนย์บัญชาการ เพื่อทำหน้าที่สั่งการและประสานงานจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเต็มที่ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่นายกฯ ยังไม่ไปทันที เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายและสร้างอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงขอความเห็นใจจากสังคมด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง