ย้อน "ล็อกดาวน์" ปี 63 รอบนี้พร้อมหรือยัง?

ไทยพีบีเอสออนไลน์เกาะติด โซเซียลเดือด กรมอนามัย โพสต์แคปชัน พร้อมมั้ย? ใช้ชีวิตแบบล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังข่าวลือตลอดทั้งวันกับข้อเสนอล็อกดาวน์คุมสถานการณ์ COVID-19 ย้อนล็อกดาวน์ครั้งแรก 3 เม.ย.2563

วันนี้ (8 ก.ค.2564) หลังจากตลอดทั้งวันมีข่าวลือเรื่องการชงเสนอล็อกดาวน์ กทม.-ปริมณฑล เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งมีตัวเลขรายวันสูงสุดถึง 7,058 คน เสียชีวิตอีก 75 คน ทำให้มีการปิดสถานที่ไม่จำเป็น และงดออกจากเคหสถานโดยไม่จำเป็น

ทำให้โลกออนไลน์มีการติดแฮชแท็ก #ประยุทธ์ออกไป และ #ล็อกดาวน์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับต้นๆขณะที่เมื่อเวลา 14.00 น. เฟซบุ๊ก กรมอนามัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

พร้อมมั้ย ใช้ชีวิตแบบล็อกดาวน์ (อีกครั้ง)

หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกมายิ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง กระทั่งต่อมาได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไปแล้ว

พร้อมล็อกดาวน์ ถ้าแก้ปัญหาได้จบจริง

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ น.ส.กนก (ขอสงวนนามสกุล) ยอมรับว่าตกใจถ้าจะมีล็อกดาวน์อีกครั้ง แต่ก็อยากให้สถานการณ์ดีขึ้นจริงๆ ถ้ารัฐบาลมองว่ายาแรง ที่จะควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้จริง ส่วนตัวมองว่าถ้าใช้โมเดลการล็อกดาวน์แบบเดือน เม.ย.2563 จะคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ลดลง และเอาจริงกับผู้ที่ฝ่าฝืน

ถ้ายอมล็อกดาวน์ตั้งแต่แรกๆ ช่วงการระบาดแคมป์คนงานตัวเลขผู้ติดเชื้อคงไม่กระจายไปในต่างจังหวัดอย่างรวดเร็ว แต่ขอให้รอบนี้มีมาตรการรองรับ ไม่ใช่แค่การประกาศปิดแคมป์แบบรอบก่อน เหมือนไม่กล้าทำอะไรเด็ดขาด

นอกจากนี้ยังรู้สึกเป็นห่วงกลุ่มเปราะบาง เช่น พ่อค้าแม่ค้า ที่ตอนนี้การค้าการขายซบเซาอยู่แล้วจะยิ่งเกิดความเดือดร้อนมากขึ้น จากรายได้ที่ลดลงในช่วงการระบาดระลอก 3 ควรต้องวางมาตรการรองรับที่ไม่ทำให้คนตกอยู่ในวังวนเดิมๆ ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ และต้องอยู่กับสถานการณ์โรคระบาดโดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

แม่บ้านกังวล-เริ่มซื้อของใช้ในครอบครัว

รู้สึกกังวลว่าจะมีการประกาศล็อกดาวน์ในวันพรุ่งนี้ จึงตัดสินใจมาซื้อสินค้าไว้เตรียมพร้อม ทั้งอาหารสด เนื้อสัตว์ จะได้ไม่ต้องแออัดหากมีการประกาศจริง ๆ และอาจจะไม่สะดวก ในการออกจากบ้าน

แม่บ้านวัย 39 ปี ยอมรับว่า ครั้งนี้ถือว่ามีความพร้อมกับการล็อกดาวน์ เพราะมีประสบการณ์มาจากครั้งก่อน ที่เมื่อประกาศแล้วคนจะแห่ไปซื้อของจำนวนมาก จึงมาเตรียมในวันนี้ก่อน ส่วนสิ่งของอื่นๆ ที่เตรียมล่วงหน้าไม่ได้ หรือขาดเหลืออะไรก็จะสั่งออนไลน์เพิ่มเติม

ขณะที่บรรยากาศในห้างฯ ย่านแจ้งวัฒนะในวันนี้ ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าเป็นปกติ

ย้อนคำนายกรัฐมนตรี "ถ้าเจ็บแล้วจบก็ควรทำ"

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนมีคำสั่งประกาศปิดแคมป์คนงานทั่ว กทม.และ 4 จังหวัด-ภาคใต้ ก็เคยมีข่าวลือเรื่องข้อเสนอล็อกดาวน์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ข้อเสนอให้ล็อกดาวน์ กทม. 7 วัน ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ยังไม่ยืนยันว่าจะดำเนินการหรือไม่ เพราะต้องรับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วน ถึงเหตุผลความจำเป็น และที่สำคัญ ต้องถามประชาชนด้วยว่า หากปิดและได้รับความเดือดร้อนจะทำอย่างไร ซึ่งรัฐบาลต้องหางบประมาณมาดูแล

จะแน่ใจได้อย่างไรว่า เมื่อปิดแล้วจะจบ และหากไม่จบจะทำอย่างไร ผมคิดว่า ถ้าเจ็บแล้วจบ ก็ควรทำ แต่ถ้าเจ็บแล้วไม่จบ ก็ต้องหาวิธีการอื่นๆ อีก แต่ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ขณะนี้เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องดูแลตัวเอง

ล็อกดาวน์ปี 63 ใช้กฎหมาย 2 ฉบับ

สำหรับการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในวันที่ 3 เม.ย.2563 พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มีอำนาจออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรี จึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการดำเนินการ ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เช่น งดการเดินทางข้ามจังหวัด การเดินทางระหว่างประเทศ ปิดกิจกรรม/กิจกรรมเสี่ยง รวมทั้งการห้ามนอกเคสถานตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

ออกมาตรการ 5 ข้อคุม COVID-19 ชงศบค.พรุ่งนี้

ขณะที่วันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงมาตรการควบคุม COVID-19 ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานที่ประชุม ระบุว่า ว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงถึง 7,058 คน เสียชีวิต 75 คน และมีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวม 280,000 คน ดังนั้นทางสธ.จึงยกระดับมาตรการคุม COVID-19 รวม 5 ประเด็น เพื่อจะเสนอต่อศบค.พรุ่งนี้ (9 ก.ค.) เช่น ข้อเสนอพิจารณาจำกัดการเดินทาง ห้ามออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็นในพื้นที่เสี่ยง อย่างน้อย 14 วัน เว้นซื้ออาหาร พบแพทย์ ฉีดวัคซีน หลังยอดป่วยและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น